นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เปิดเผยถึงนโยบายกระทรวง สาธารณสุข พ.ศ. 2567 โดยชูประเด็นการขับเคลื่อนด้านการบริการทางการแพทย์ให้ครอบคลุม พร้อมส่งเสริมงานสุขภาพจิตเพื่อลด ช่องว่างการเข้าถึงบริการจิตเวชและยาเสพติด เชื่อมโยงการทํางานทุกภาคส่วนและการวิเคราะห์ข้อมูลยกระดับนโยบายบัตรทอง 30 บาท เพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน
ทั้งนี้ นโยบายที่สําคัญ คือ โครงการพระราชดําริและโครงการพระราชดํารัสฯตลอดจนโครงการเฉลิมพระเกียรติที่ เกี่ยวเนื่องกับพระบรมวงศานุวงค์ และนโยบายกระทรวงสาธารณสุขอีก 11 เรื่องโดยมีเป้าหมายเพื่อลดช่องว่างบริการสาธารณสุข สาม ประการ ได้แก่
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังการเพิ่มบริการหอผู้ป่วยจิตเวชในทุกโรงพยาบาล ศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป ตั้งแต่เดือนมกราคม พศ. 2566 ในระยะเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งปีนี้ สามารถช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการจิตเวชในปี 2566 เพิ่มขึ้นได้ถึงประมาณ 15% โดยเฉพาะการจัดวางกลไกสําคัญในการดูแลผู้ป่วยสารเสพติดและการรักษาผู้ป่วยจิตเวชฉุกเฉิน เป็นการบําบัดผู้ป่วยอย่างเข้มข้นจนอาการทุเลาลงแล้วพิจารณาส่งต่ออย่างเหมาะสม
ซึ่งขณะนี้ มีหอผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดใน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปในสังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงฯ ครบทุกจังหวัดและโรงพยาบาลในสังกัดกรมสุขภาพจิต ในทั้ง 12 เขตสุขภาพเป็นจํานวนถงึ 7,844เตียง
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้ บริการหอผู้ป่วยจิตเวชในโรงพยาบาลศูนย์และ โรงพยาบาลทั่วไปในสังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงฯ รองรับผู้ป่วยได้ถึง 34.3% และ รพ.จิตเวชในสังกัดกรมสุขภาพจิตรองรับผู้ป่วย 70.8% และทุกหน่วยงานจะเร่งเพิ่มเติมการให้จัดบริการ Telepsychiatry ตามนโยบายรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรองรับ บริการและเพิ่มพูนคุณภาพสําหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย
โดยขณะนี้ มีการเริ่มต้นใช้บริการ Telepsychiatry ทั้งสําหรับผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และกลุ่มญาติหรือผู้ดูแลกว่าสามพันราย ทั้งนี้ผู้ป่วยที่มีการเข้ารับบริการในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใน 5 อันดับ ได้แก่
ซึ่งปัจจุบันกรมสุขภาพจิตเพิ่ม ช่องทางการสํารวจสุขภาพใจตนเองผ่าน application on line คือ DMIND Application ทางไลน์หมอพร้อม และคิวอาร์โคดMental Health Check In (MHCI) เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันสัญญาณความเสี่ยงภาวะสุขภาพจิตได้ พร้อมคําแนะนําการสื่อสารและการบริการ