“ฐากร” เสนอนโยบาย 5 ข้อ อัดฉีดเงินกองทุน คุ้มกว่าแจกเงินดิจิทัล 10000

11 ก.ย. 2566 | 14:37 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ย. 2566 | 14:47 น.

“ฐากร ตัณฑสิทธิ์” เสนอนโยบาย 5 ข้อ เร่งจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ผ่าน สรร. อัดฉีดเงินกองทุน คุ้มกว่าแจกเงินดิจิทัล 10000 ย้ำจุดยืนจะเป็นฝ่ายค้านเชิงสร้างสรรค์ไม่เน้นวาทกรรมสร้างความแตกแยก

วันนี้ 11 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย อภิปรายเสนอแนะต่อนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา 1  ใน 5 ประเด็นดังนี้

เร่งจัดทำประชามติร่างรธน.ใหม่ผ่านสสร.

  • การจัดทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญยังขาดรายละเอียดการดำเนินการและกรอบเวลาที่ชัดเจน พรรคไทยสร้างไทยยืนยันแนวทางในแก้ไขให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนโดยด่วนผ่านกระบวนการจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ยกเว้นหมวดที่ 1 และ 2

รัฐบาลต้องสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งระบบ

  • รวมถึงนโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อย่างไรก็ดียังมีข้อเสนอแนะเพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินนงานของรัฐบาลสำเร็จ คือ การฟื้นเศรษฐิจด้วยดิจิทัล ไม่เฉพาะการทำบล็อกเชนเท่านั้นไม่ใช่แค่การสร้าง Blockchain เท่านั้น แต่หมายถึงการสร้างระบบเศรษฐกิจ ที่ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง  3 ด้าน คือ 1. เตรียมคนให้พร้อม ให้คนไทยมีทักษะสำคัญที่เข้ากับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล เช่น การคำนวณ ภาษา โปรแกรม และการปรับตัวให้ทัดเทียบประเทศสากลอื่นๆ 2. สนับสนุนธุรกิจให้โต รัฐบาลต้องสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความรู้ การแข่งขัน และนวัตกรรม โดยดึงดูดธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติให้มีการลงทุนมากขึ้น 3.ลดกฎเกณฑ์ภาครัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ให้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือให้ประชาชนสามารถตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลได้ 4.รัฐบาลต้องเร่งจัดตั้งกองทุน Start-Up ให้สำเร็จโดยเร็ว เพราะเป็นนโยบายที่สำคัญ กระจายโอกาสให้ทุกคนเท่าเทียมกัน 

ฐากร ตัณฑสิทธิ์

กองทุนต่างๆในด้านการศึกษา

 ฐากร ระบุว่า กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ผ่านมากว่า 20 ปีแล้ว ยังไม่มีการดำเนินการเพื่อยกระดับการศึกษาใดๆ

ปฏิรูปประเด็นแรงงาน และแรงงานข้ามชาติ

  • ประเทศไทยควรมีจุดยืนในเรื่องห่วงโซ่อุปทานอย่างชัดเจน และปฏิรูปนโยบายด้านแรงงานให้เสมอภาค และประเทศไทยควรเป็นผู้นำในการหารือและปฏิรูปประเด็นแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในภูมิภาคอาเซียน.