“แก้วสรร” ชำแหละตัวตน พรรคก้าวไกล บทสรุปชวนคิดเข็มมุ่ง ม.112

16 ก.ค. 2566 | 13:39 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ค. 2566 | 13:49 น.
1.5 k

“แก้วสรร อติโพธิ” ชำแหละ พรรคก้าวไกล ถาม-ตอบ เข็มมุ่งประเด็น มาตรา 112 เตือนแนวทางพรรคแม้จะเส้นทางใหม่ แต่ไม่ใช่เส้นทางแห่งประชาธิปไตย แต่เป็นเส้นทางของโมหะ โทสะ ก่อนทิ้งบทสรุปน่าคิด

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความ เรื่อง “เข็มมุ่ง” พรรคก้าวไกล... กับ มาตรา 112 “ตัวตน” ของ มาตรา 112 มีเนื้อหาดังนี้

ถาม ผู้คนเป็นอันมากไม่เข้าใจว่า เพื่อแลกกับการได้เป็นรัฐบาล ทำไมพรรคก้าวไกล ไม่ยอมสละวาระแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งถ้ายอมเอ่ยปากยืนยันในสภา ก็น่าเชื่อ ว่าคุณพิธาจะได้เสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่านี้แน่นอน

ตอบ คุณต้องเข้าใจตัวตนของ มาตรา 112 ก่อนว่า อยู่ตรงที่คุ้มครองบุคลิกภาพ ของคนในสถาบันกษัตริย์ด้วยกรอบความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ดังนั้นเมื่อคุณปฏิเสธสถาบันนี้ คุณก็ต้องเห็นในหลวงเป็นคนธรรมดา ใครไปด่าว่าก็ไม่ถือเป็นเรื่องความมั่นคง รัฐก็ไม่เกี่ยว ถ้าในหลวงติดใจก็ต้องไปแจ้งความเอาผิดเอาเองเช่นคนธรรมดาทั่วไป 

การที่ ก้าวไกล เสนอให้เลิก 112 แล้วเอาความผิดนี้ออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคงไปมีฐานะเป็นความผิดเช่นดูหมิ่นคนธรรมดา จึงเป็นการเลิกไม่นับในหลวงเป็นสถาบันของชาติอีกต่อไป

 

ภาพประกอบข่าว “แก้วสรร” ชำแหละตัวตน พรรคก้าวไกล

ถาม ที่ก้าวไกลเขาบอกว่าไม่ได้ยกเลิก เขาเพียงแก้ไขมาตรา 112 ก็ไม่เป็นความจริง

ตอบ ไม่เป็นความจริงครับ แม้ร่างกฎหมายของก้าวไกล จะยังมีบทบัญญัติว่าด้วยการใส่ความหรือดูหมิ่นในหลวงไว้ โดยเฉพาะก็ตาม แต่เมื่อเลิกไม่คุ้มครองด้วยหมวดความผิดต่อความมั่นคงอีกต่อไปแล้ว นั่นก็คือการเลิกไม่นับถือในหลวงในฐานะเป็นสถาบันของชาติอีกต่อไปนั่นเอง

ตัวตนของ 112 อยู่ที่ตรงนี้ เมื่อเลิกตรงนี้แล้ว แม้คุณจะสร้างกฎหมายเฉพาะอะไรขึ้นมาใหม่ เช่น ให้โทษหมิ่นกษัตริย์หนักกว่าหมิ่นคนธรรมดาบ้าง หรือให้สำนักพระราชวังแจ้งความแทนในหลวงก็ตาม นั่นก็ไม่มีความหมายอะไร “ตัวตน” ของ ก้าวไกล  

ถาม ก้าวไกลได้คะแนนเสียงเลือกตั้งถึง 14 ล้านเสียง จนเป็นที่ 1 แล้ว น่าจะเห็นแก่การใหญ่ ยอมแขวนวาระแก้ 112 ไว้เสียก่อนครับ มีเรื่องเร่งด่วนในบ้านเมือง ที่ผู้ลงคะแนนเขาเห็นว่าสำคัญ ต้องการให้พรรคก้าวไกล ขึ้นเป็นรัฐบาลทุ่มเทแก้ไขมากมายนักโดยเฉพาะเรื่องปากท้อง และปราบคอร์รัปชัน

ตอบ เพื่อนผม ลูกหลานผม ที่เลือกก้าวไกล ก็บ่นอย่างนี้เหมือนกัน ผมก็ตอบเขาไปให้ดูให้ดี ๆ ว่า “ตัวตน” แท้จริงของก้าวไกลนั้น คืออะไร คิดอย่างไรกับสังคมไทยทุกวันนี้ จริงหรือที่ว่าพวกเขาคือ “พรรคปฏิรูป”

ถาม มันไม่จริงหรือครับ

ตอบ ไม่จริง แกนกลางของพวกเขา เห็นสังคมไทยทุกวันนี้เป็นขยะ ขยะต้องถูกทำลายไม่ใช่ปฏิรูป เราต้องทำให้โครงสร้างส่วนบนชิบหายสลายตัวไปเสียก่อน จึงจะปูรากฐานสร้างบ้านเมืองใหม่ขึ้นมาได้

อำนาจจากประชาชนที่ก้าวไกลสร้างขึ้น จึงต้องเป็นอำนาจที่มีธรรมชาติปฏิวัติ ไม่ใช่ปลุกให้เลือกตั้งหย่อนบัตรแล้ว ปล่อยกลับไปนอนรอดูผลที่บ้านอีก 4 ปี

 

ภาพประกอบข่าว การเมืองไทย พรรคก้าวไกล

ถาม อำนาจลุกฮืออย่างนี้ สร้างอย่างไร

ตอบ อธิบายตามทฤษฎีจิตวิทยาการเมือง ก็ต้องสร้างให้คนธรรมดา ๆ ถูกสิงสู่ด้วยชีวิตหมู่ปฏิวัติ จนเป็นมวลชนที่ไวต่อโทสะและพร้อมเสียสละ

ปัจจัยจัดตั้งที่สำคัญที่สุดคือ ความจงเกลียดจงชัง เพราะคนเราเกลียดอะไรร่วมกันแล้วจะหลอมรวมเกิดชีวิตหมู่ได้ง่ายมาก   ทุกขบวนการมวลชนในอดีตจึงต้องมีปีศาจที่เลวร้าย และมีอิทธิฤทธิ์มาก มาให้ผู้คนเคียดแค้นเห็นเป็นต้นตอของความสิ้นหวังในปัจจุบันให้ได้เสียก่อน เช่น

ถ้าเป็นมวลชนคอมมิวนิสต์ ก็เป็นปีศาจนายทุน 

ถ้าเป็นมวลชนนาซี ก็เป็นปีศาจยิว 

ถ้าเป็นมวลชนชาตินิยม ก็เป็นปีศาจจักรวรรดินิยม

ถ้าเป็นนีโอนาซีของเซเลนสกี้ ก็เป็นปีศาจรัสเซีย

แล้วถ้าเป็นเมืองไทย คุณว่าใครที่วาดภาพให้เป็นปีศาจได้ง่ายและร้ายที่สุด?

ถาม คำตอบก็คือ สถาบันกษัตริย์ และสมุนขุนศึก อย่างนั้นหรือ ?

ตอบ ถูกต้องครับ และเพื่อให้ดูขลังเห็นเป็นภาระโค่นล้มอันศักดิ์สิทธิ์ เขาก็เลยโมเมว่า เป็นมรดกที่คณะราษฎร์สืบสานส่งต่อมาให้เขาด้วย นี่ถึงขนาดโทรศัพท์คุยข้ามภพกันได้เลย คุณไม่เห็นหรือ ด้วยความเข้าใจเช่นนี้ การที่คุณไปหวังให้ก้าวไกลวางมือเรื่องแก้ไข 112 จึงไม่ต่างกับการไปขอให้ขบวนการนาซีของฮิตเลอร์เลิกยุ่งกับยิวเลยทีเดียว

ถาม เพราะตัวตนของเขาคือการปฏิเสธระบบกษัตริย์ ?

ตอบ อ่านในทางจิตวิทยาการเมือง ผมตอบได้เช่นนั้น แต่ลำพังแค่นี้คุณอย่าเอาไปอ้างให้ศาลยุบพรรคก้าวไกลนะครับ มันต้องมีหลักฐานการจัดตั้งและปลุกระดมทางโซเชียลมีเดีย มาประกอบด้วยว่า พวกเขามีเครือข่ายและกิจกรรมปลุกระดมเช่นนี้อยู่จริงๆ มาให้ศาลเห็นด้วย   

งานนี้ผมเพียงแต่ใช้ความรู้มาอธิบายเป็นคำตอบเท่านั้นว่า ทำไมพรรคก้าวไกล เขาถึงแขวนงานยกเลิก 112 เพื่อจะได้เป็นรัฐบาลไม่ได้เท่านั้น

 

ภาพประกอบข่าว การเมืองไทย

 

ถาม หลายคนชื่นชมว่า เส้นทางของก้าวไกลคือประชาธิปไตยใหม่ ที่ไม่ต้องใช้เงินและหัวคะแนน

ตอบ จริงครับ ที่ว่าเป็นเส้นทางใหม่ แต่ไม่ใช่เส้นทางแห่งประชาธิปไตย มันเป็นเส้นทางของโมหะและโทสะ สมัยระบอบทักษิณ เขาจัดตั้ง “โลภะ” ขึ้นมาเป็นสินค้าประชานิยม มายุคก้าวไกล เขาเพิ่ม “โมหะ” ขึ้นมาอีกปัจจัยหนึ่ง

ถาม “โทสะ” จะมาเมื่อไหร่  

ตอบ เมื่อผู้คนลงถนน จนมีเหตุรุนแรงฆ่าฟันประชาชนเกิดขึ้น แล้วแพร่ไปในโซเชียลเห็นเป็นศพเด็ก ผู้หญิงถูกยิงตาย จนมวลชนฮือออกจากบ้าน เกิดเป็น “อาหรับสปริง” หรือ “ฮ่องกงสปริง” นั่นแหละครับคือจุดระเบิด ที่ลามเป็นสงครามกลางเมืองได้ ฝรั่งเศสวันนี้ก็เกิดแล้ว บ้านเราจะเกิด “ไทยสปริง” หรือไม่ นี่คือเรื่องที่ต้องวิตก

ถาม ผมเลือกก้าวไกลเหมือนกัน ผมเป็นมวลชนส้มหรือไม่

ตอบ ถ้าคุณไม่ถูกหลอมให้จงเกลียดจงชังสถาบัน คุณก็เป็นคนปกติ ที่ไปเชื่อว่าเขาจะสร้างบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ได้จริง ๆ เท่านั้นเอง

ก็ไม่เป็นไรครับ ระบบประชาธิปไตยบ้านเรา ประชาชนมีไว้หลอกอยู่แล้ว ต่างกันตรงที่ จะหลอกไปทิศทางไหน ถึงขั้นทำลายชาติหรือไม่เท่านั้นเอง