ย้อนรอย 77 ปี ประชาธิปัตย์ ศึกหนัก "หัวหน้าพรรคคนใหม่" กู้วิกฤตศรัทธา

09 ก.ค. 2566 | 07:50 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2566 | 09:27 น.

พรรคประชาธิปัตย์ สถาบันการเมืองเก่าแก่ที่สุดของไทย ถือกำเนิดเมื่อ 77 ปีที่แล้ว วันนี้กำลังจะมีหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ที่เป็นความหวังว่าจะทำให้พรรคฟื้นภาพลักษณ์ขึ้นมาอีกครั้ง หลังทำสถิติ“นิวโลว์”ในหลายด้านจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด

 

พรรคประชาธิปัตย์ (Democrat Party) หรือ ปชป. ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2489 ซึ่งเมื่อนับถึงวันนี้มีอายุกว่า 77 ปี ได้ชื่อว่าเป็นพรรคการเมืองที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังจะมี การประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือก หัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ในวันนี้ (9 ก.ค. 2566)

ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคคนที่ 2 (ดำรงตำแหน่งระหว่างปีพ.ศ. 2511-2522) เคยให้คำอธิบายความหมายชื่อพรรคไว้ว่า “ประชาธิปัตย์ หรือ Democrat หมายถึง ประชาชนเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตย

และจากเสียงของประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพ.ค.2566 ประชาธิปัตย์ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เข้าสภาเพียง 25 คน นับเป็นสถิติ “ต่ำสุด” เท่าที่ก่อตั้งพรรคมา โดยสถิติจำนวนส.ส.ในสภาต่ำสุดของพรรคก่อนหน้านี้ คือในการเลือกตั้งปี 2500 หรือ 66 ปีก่อน แต่ครั้งนั้นก็ยังได้มาถึง 31 ที่นั่ง

ทำให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคคนที่ 8 ต้องประกาศแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เป็นที่มาของการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันนี้ (9 ก.ค.) ท่ามกลางกระแสเรียกร้องจากสมาชิกให้เร่งปฏิรูปและฟื้นฟูพรรคเป็นการด่วน

ทั้งนี้เพราะไม่เพียงปชป.จะได้ส.ส.เข้าสภาจำนวนน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรรคแล้ว การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาล่าสุดนี้ ยังเป็นครั้งที่สองที่กล่าวได้ว่า ปชป. “สูญพันธุ์” จากพื้นที่เลือกตั้งในเขตกทม.

ขณะที่ ภาคใต้ ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ยึดครองหลักของพรรคมาอย่างเหนียวแน่นตลอดกาล มาในวันนี้แม้จะยังเป็นพรรคที่ได้จำนวนส.ส.มากที่สุด แต่ก็ถูกคู่แข่งตีแตกในหลายพื้นที่ รวมถึงภูเก็ต ที่ส.ส.กลายเป็นของพรรคก้าวไกลทั้งหมด ส.ส.ประชาธิปัตย์จากภาคใต้กวาดที่นั่งในสภาได้เพียง 17 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 60 ที่นั่ง

และที่ดูจะเป็นเหตุให้ต้องเร่งปฏิรูปเพื่อคืนฟอร์มของพรรคอย่างเร่งด่วน นั่นก็คือการที่ปชป.ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนทั่วประเทศ (ป๊อปปูลาร์โหวต) ไม่ถึง 1 ล้านเสียงเป็นครั้งแรก โดยได้มาเพียง 920,000เสียง

ขณะที่การเลือกตั้งครั้งก่อนหน้าเมื่อปี 2562 ทางพรรคยังคว้าคะแนนโหวตมาได้ถึง 3,950,000 เสียง นับเป็นการตกต่ำในระดับดำดิ่งเลยทีเดียว ไม่ต้องพูดถึงเมื่อครั้งเคยทำสถิติได้คะแนนมหาชนสูงสุดถึง 12.1 ล้านเสียงในการเลือกตั้งเมื่อปี 2550

นอกจากนี้ ในรอบ 31 ปีที่ผ่านมา ปชป.ยังพ่ายแพ้การเลือกตั้งติดต่อกันถึง 8 ครั้ง หลังจากที่เคยลิ้มรสชัยชนะครั้งสุดท้ายในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนกันยายนปีพ.ศ. 2535 และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนั้น

อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 8 คน (ขอบคุณภาพจากเว็บ democrat.or.th)

ย้อนดู 8 หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตมีใครบ้าง   

ก่อนจะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันนี้ ซึ่งจะเป็นหัวหน้าพรรคลำดับที่ 9 เราย้อนกลับไปดูสถิติเกี่ยวกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นับตั้งแต่วันก่อตั้งพรรคในปี 2489 จนถึงปัจจุบัน 2566 พบว่า ปชป.มีหัวหน้าพรรคมาแล้วรวม 8 คน ได้แก่

  1. นายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 1 ดำรงตำแหน่งระหว่าง พ.ศ.2489 ถึง 15 มี.ค.2511
  2. ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 2 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2511 ถึง 26 พ.ค.2522
  3. พ.อ.ถนัด คอมันตร์ เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 3 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 26 พ.ค.2522 ถึง 3 เม.ย.2525
  4. นายพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 4 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 3 เม.ย.2525 ถึง 26 ม.ค.2534
  5. นายชวน หลีกภัย เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 5 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 26 ม.ค.2534 ถึง 6 พ.ค.2546
  6. นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 6 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 6 พ.ค.2546 ถึง 15 มี.ค.2548
  7. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 7 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 15 มี.ค.2548 ถึง 24 มี.ค. 2562
  8. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 8 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 15 พ.ค. 2562 ถึง 14 พ.ค.2566

ในจำนวน 8 คนนี้ ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยถึง 4 คน คือ

  1. พันตรีควง อภัยวงศ์ ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรคคนแรก ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 สมัย
  2. หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 4 สมัยเช่นกัน
  3. นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย
  4. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนที่ 7 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 1 สมัย

ในวันนี้ (9 ก.ค.) หลังการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี พรรคประชาธิปัตย์จะมีหัวหน้าพรรคคนใหม่ และคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ คนที่ถูกฝากความหวังให้เป็นผู้กอบกู้พรรคจากยุคมืดมนที่สุดนี้ จะเป็นอดีตหัวหน้าพรรคที่กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง หรือจะเป็นเลือดใหม่ เจนเนอเรชันใหม่ถอดด้าม อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านับจากนี้ ก็จะได้รู้ผลกันแล้ว