ยื่น“นายกฯ” ค้านนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด

09 มิ.ย. 2566 | 16:58 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มิ.ย. 2566 | 17:07 น.

“เครือข่ายกัญชา”รวมพลังยื่นหนังสือถึง “นายกฯ” ค้านนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ประกาศสู้จนกว่าจะชนะ “หม่อมโจ้” โผล่หนุน ยันกัญชามีประโยชน์มากมาย

วันนี้ (9 มิ.ย.66) เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นำโดย นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายฯ นายอัครเดช ฉากจินดา, นางสาวช่อขวัญ คิตตี้ ช่อผกา นายอร่าม ลิ้มสกุล หรือ ลุงดำ ประธานวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสนธยา แซ่โย้ว หมอยาเกาะพะงัน รวมถึงประชาชนทั่วไปทั้งผู้ใช้กัญชา และผู้ประกอบการกว่า 100 คน ได้รวมตัวกันบริเวณตึก กพร.หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมทำกิจกรรมเนื่องในวันกัญชาไทย นับจากการวันปลดล็อคกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 

โดยในช่วงเช้า มีการลงนามในหนังสือแสดงเจตนารมณ์ไม่เอากัญชากลับสู่ยาเสพติด เพื่อรวบรวมนำเสนอต่อ รมว.สาธารณสุข คนต่อไป 

ต่อมาในช่วงบ่าย เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีนายสมภาส นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับ เพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป 

                        ยื่น“นายกฯ” ค้านนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด

จากนั้นได้มีการระดมความคิดเห็นกัญชาควรควบคุมด้วยกฎหมายยาเสพติด หรือกฎหมายพระราชบัญญัติ โดยหนึ่งในผู้แสดงความคิดเห็นคือ มล.รุ่งคุณ กิติยากร หรือ หม่อมโจ้ ซึ่งเป็นผู้ที่ใช้กัญชามาเป็นเวลานาน กล่าวว่า วันนี้มาเป็นแนวร่วมและสนับสนุน เพื่อป้องกันไม่ให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด 

เพราะกัญชาก็เป็นพืชอย่างหนึ่งที่เป็นธรรมชาติ ที่มีมาก่อนมนุษย์ ก่อนพวกที่เขียนกฎหมายเกิด เพราะฉะนั้นพวกท่านไม่มีสิทธิมาสร้างกฎหมายควบคุมกีดกัน แล้วมาอ้างว่ามีผลเสีย ซึ่งมันเป็นข้อเสียของคนบางคนที่นำไปใช้ไม่ถูก ยืนยันว่ากัญชามีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ไม่ว่ารัฐบาลไหนจะมาบริหารประเทศ ถ้าดึงดันนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เจอม็อบเต็มถนนแน่นอน  

“คุณเป็นใครที่จะมาเป็นเจ้าของธรรมชาติ พวกคุณอ้างเสรีภาพ แต่มากำหนดเสรีภาพคน มันไม่ถูกต้อง กัญชาเป็นยาตามคัมภีร์พระเวทสามารถใช้เป็นยากรักษาได้หลายร้อยโรค แม่ผมก็ใช้แก้โรคนอนไม่หลับ เมียก็ใช้เวลาปวดประจำเดือน และไม่ใช่ยาเสพติดผมไม่สูบก็ไม่เคยลงแดง 

ผมถามหน่อยว่าเรามีกษัตริย์มากี่สมัย ไม่เคยมีท่านไหนห้ามประชาชนใช้กัญชา มีพงศาวดารฉบับไหนระบุไหมว่าเมืองล่มสลายเพราะกัญชา กรุงศรีอยุธยาก็ไม่ได้ล่มสลายเพราะกัญชา  เรื่องนี้นายชูวิทย์ ควรรับรู้และไปศึกษามาเสียใหม่ก่อนที่จะคัดค้าน”   

                                ยื่น“นายกฯ” ค้านนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด

ม.ล.รุ่งคุณ ให้ความเห็นกรณีมีการใช้กัญชาในเด็กว่า ตนก็มีลูก บ้านก็ปลูกกัญชา เรากินใช้เรารับผิดชอบของเรา แต่ถ้าใครนำไปใช้ในทางไม่ถูกก็เป็นความรับผิดชอบของเขา เปรียบเหมือนมีด มันจะอันตรายก็ต่อเมื่อมันไปทำร้ายคนอื่น แล้วเราต้องแบนมีดไหม  

“กัญชามาจากธรรมชาติ อย่าทำตัวเป็นพระเจ้า แล้วตกอยู่ภายใต้อำนาจบริษัทยายักษ์ใหญ่ ที่มีบริษัทน้ำมันของไทยร่วมลงทุน แล้วบริษัทน้ำมันนั้นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็เป็นคนของพรรคการเมือง ที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์และความป่วยทางจิตของคนกลุ่มนี้”

ด้าน นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า 3 พรรคการเมือง ที่ร่วมลงนามเอ็มโอยู ทั้ง เพื่อไทย ก้าวไกล และ ประชาชาติ ก็ร่วมศึกษาและเป็นผู้เสนอว่าให้เอากัญชาออกจากยาเสพติด แต่มากลับคำพูดในภายหลัง เพื่อเอาชนะกันในทางการเมือง สร้างข่าวเท็จจนทำให้ประชาชน ห่างไกลจากข้อเท็จจริงไปมาก คนที่ไม่เอาข้อเท็จจริงมาพูดกันก็ไม่ควรเป็นรัฐบาล  

นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอข้อมูลและเจตนารมณ์ไปในทางเดียวกันว่า จะไม่ยอมให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอย่างแน่นอน และพร้อมที่ร่วมลงถนนต่อสู้เพื่อประชาชนเข้าถึงกัญชาได้ 

จากนั้น เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ได้ร่วมกันแถลงการณ์ กำหนดเส้นทางการขับเคลื่อนจนกว่าจะประสบความสำเร็จ โดยเนื้อหาบางส่วนระบุว่า  เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย จะเดินสายทั่วประเทศเพื่อเชิญชวนให้ประชาชนลงนามไม่เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด กัญชาจะต้องเป็นยาของประชาชนและไม่มีฐานะเป็นยาเสพติด 

จากนั้นจะรวบรวมรายชื่อส่งให้รมว.สาธารณสุขคนใหม่ ถ้าท่านยืนยันจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เราจะชุมนุมประท้วงใหญ่แน่นอน และขั้นตอนต่อไปคือ เราจะเริ่มด้วยการนำร่าง พ.ร.บ. ซึ่งเป็นกลไกของประชาธิปไตย ขึ้นมาอีกครั้ง