"สืบพงษ์ ปราบใหญ่" ผงาดกลับนั่งเก้าอี้อธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นรอบที่ 2

13 ก.พ. 2566 | 18:03 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.พ. 2566 | 18:17 น.

ศาลปกครองกลางคุ้มครองชั่วคราว "สืบพงษ์ ปราบใหญ่" ผงาดกลับนั่งเก้าอี้อธิการบดี ม.รามคำแหง อีกครั้งเป็นรอบที่ 2 จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาคดีที่ยื่นฟ้องสภา ม.ราม มีมติถอดถอดออกจากตำแหน่งโดยมิชอบ

วันนี้(13 ก.พ.66) ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่ ผศ.ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้อง นายสมบูรณ์ สุขสำราญ อุปนายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำหน้าที่แทนนายกสภา ม.รามฯ เป็นผู้ถูกฟ้องคดี กรณีที่มีคำสั่งปลดนายสืบพงษ์ออกจากตำแหน่งอธิการบดี ม.รามฯ รอบที่ 2 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา 

โดยศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำสั่งสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ 119/2565 ลงวันที่ 9 พ.ย. 2565 ที่ถอดถอนผู้ฟ้องคดีออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และคำสั่งสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ 120/2565 ลงวันที่ 9 พ.ย. 2565 ที่แต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญชาล ทองประยูร เป็นผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เห็นได้ว่า มีสถานะทางกฎหมายเป็นหนังสือแจ้งมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ในการประชุมครั้งที่ 21/2565 เมื่อวันที่ 8พ.ย. 2565 ที่ถอดถอนผู้ฟ้องคดีออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และแต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญชาล เป็นผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง

ทั้งนี้ ตามนัยคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ.771/2558 (ประชุมใหญ่) ซึ่งคำสั่งพิพาทได้ออกโดยอาศัยผลจากมติดังกล่าว ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 คำฟ้องในส่วนของคำสั่งพิพาท จึงมีมูล และมีเหตุเพียงพอที่ศาลจะนำมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ก่อนการพิพากษามาใช้ตามที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอ 

อีกทั้งการที่ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการ หรือ วิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ 119/2565 ลงวันที่ 9 พ.ย. 2565 ที่ถอดถอนผู้ฟ้องคดีออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
 

 

และสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ 120/2565 ลงวันที่ 9 พ.ย. 2565 ที่แต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญชาล เป็นผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็ไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของมหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือ แก่บริการสาธารณะแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นเพียงการสั่งให้ระงับการมีผลของคำสั่งพิพาท เพื่อให้สอดคล้อง กับการที่ศาลสั่งให้ระงับการมีผลใช้บังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เป็นการชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดีของศาลเท่านั้น 

กรณีจึงเห็นได้ว่า คำขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครอง เพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีครบเงื่อนไขที่ศาลจะมีคำสั่งให้ได้ตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 และข้อ 77 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ประกอบกับมาตรา 254 วรรคหนี่ง (2) มาตรา 255 (2) (ข) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

จึงมีคำสั่งกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้ทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ในการประชุมครั้งที่ 21/2565 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ที่ถอดถอนผู้ฟ้องคดีออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และที่แต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ บุญชาล ทองประยูร เป็นผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง  

รวมทั้งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ 118/2565 เรื่อง ถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ที่ถอดถอนผู้ฟ้องคดีออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และทุเลาการบังคับตามคำสั่งสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ 120/2565 เรื่อง แต่งตั้งผู้รักษาราชการ แทนอธิการบดี ลงวันที่ 9 พ.ย. 2565 ที่แต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญชาล ทองประยูร เป็นผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมี คำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น