"วราวุธ" ชี้ยุบสภาช่วง มี.ค. ตั้งเป้ากวาด 25 ส.ส. เสนอชื่อ นายกฯ ชทพ.

01 ก.พ. 2566 | 13:44 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.พ. 2566 | 14:14 น.

"ท็อป วราวุธ" ชี้ยุบสภาช่วง มี.ค. ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง กวาด 25 ส.ส. เสนอชื่อ นายกรัฐมนตรี สังกัดชาติไทยพัฒนา วาง 3 หัวใจหลักฟอร์มทีมพรรคร่วม

“ผมเพิ่งมาเป็นหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 มาถึงวันนี้เพิ่ง 4 เดือนเท่านั้น ยังต้องอาศัยความอดทน และเดินไปทีละก้าว เพื่อจะทำให้พรรคเติบใหญ่ขึ้น โดยมั่นใจว่า ทั้งโครงสร้าง ยุทธศาสตร์ แนวนโยบาย และบุคลากรที่มี จะสามารถทำให้พรรคชาติไทยพัฒนา กลับมามีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรเช่นในอดีตได้ ในไม่เกิน 10 ปีจากนี้ พรรคชาติไทยพัฒนา จะกลับมายิ่งใหญ่ได้แน่นอน”

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ได้เปิดใจกับฐานเศรษฐกิจ พร้อมเผยไทม์ไลน์ไปสู่การเลือกตั้งด้วยว่า

เมื่อกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับได้มีผลบังคับใช้แล้ว หากรัฐบาลยุบสภาในช่วงนี้ จะยิ่งมีความโกลาหล เนื่องจาก กกต.ต้องใช้เวลาในการแบ่งเขตเลือกตั้งอีก 30-45 วัน จึงคาดการณ์ว่า หากจะมีการยุบสภา ก็น่าจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม และได้เลือกตั้งในช่วงเดือนพฤษภาคม

โดยการอภิปรายของฝ่ายค้าน ตาม ม.152 นั้น นายวราวุธมองว่า เป็นโอกาสที่ดี ที่ทางฝ่ายค้านจะได้ตั้งข้อสังเกต หรือข้อสงสัย ในประเด็นที่สังคมมีข้อกังขา และเป็นโอกาสที่ดีของรัฐบาลด้วย ที่จะได้ตอบข้อกังขาเหล่านั้น ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม หากมีประเด็นใดที่ฝ่ายค้านต้องการถาม ก็พร้อมตอบข้อกังขาในทุกๆเรื่อง 

นายวราวุธ แสดงความเห็น เกี่ยวกับการย้ายพรรค หรือรวมพรรคในช่วงเวลานี้ว่า เป็นเรื่องนานาจิตตัง การยุบเพื่อควบรวมพรรค หากเพื่อประโยชน์ในการทำงาน ก็ถือเป็นการไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร แต่พรรคพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่มีการยุบ และควบรวมกับใครแน่นอน พร้อมยืนยันอีกด้วยว่า ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกดูดไปที่อื่น เพราะมีแต่ส.ส.พรรคอื่นอยากเข้ามาร่วมงานด้วย 

โดยได้วางเป้าหมาย ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 25 คนในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ เพราะจะสามารถ เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ และสามารถผลักดันกฎหมาย และเสนอกฎหมายได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเสียงของพรรคอื่น โดยชื่อของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค  ต้องรออย่างเป็นทางการหลังการประชุมพรรค แต่โดยทั่วไปก็มักนิยมเสนอชื่อหัวหน้าพรรค

พรรคชาติไทยพัฒนา

และหลังการเลือกตั้งแล้วนั้น หัวใจของการฟอร์มรัฐบาล ของทางพรรค คือต้องนำแนวนโยบายที่พรรคนำเสนอไปปฏิบัติใช้ โดยเฉพาะเรื่องความยั่งยืน และสิ่งแวดล้อม และมีหลักคือ การไม่ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์, ร่วมร่างแก้ รัฐธรรมนูญใหม่ โดยใช้ สสร.ตามที่เคยใช้มาแล้ว เป็นที่มาของ รธน. ปี 2540 และใส่ใจเรื่อง Sustainable Development เห็นว่าสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจหลักในการทำงาน

ปัจจัยที่ทำให้ พรรคชาติไทยพัฒนา ยังคงเป็นพรรคลำดับต้นๆที่ได้รับการทาบทามเพื่อเข้าร่วมรัฐบาลนั้น นายวราวุธเปิดเผยว่าชาติไทยพัฒนา เป็นพรรคที่ทำงานอย่างไม่มีปัญหา ทำงานเต็มที่ และเสริมสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับรัฐบาล ไม่เคยโดดหนี เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ทำงานเป็นทีมเดียวกัน

สำหรับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณได้แยกกันอยู่คนละพรรคในวันนี้นั้น ส่วนตัวยังคงให้ความเคารพทั้ง 2 ท่าน เพราะทั้งสองท่านได้สนับสนุนการทำงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างเต็มที่

หากถามว่าวันนี้เชียร์ใครระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ก็คงเชียร์ทั้ง 2 ท่านเท่าๆกัน แต่ในวันที่ลงสนามเลือกตั้งแล้ว ผมคงไม่เชียร์ใครสักคน เชียร์พรรคชาติไทยพัฒนาอย่างเดียว

“ลักษณะการทำงานของตน ยึดมั่นตั้งแต่สมัยนายบรรหาร คือมีศัตรูหนึ่งคน ก็มากเกินไป มีมิตรร้อยคนก็น้อยเกินไป ดังนั้น ตลอด 3 ปีกว่าที่ผ่านมาจึงเน้นการทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ไม่สร้างศัตรูทางการเมือง Constructive Politic เป็นแกนหลักสำคัญในการจะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า ถึงแม้การเป็นแบบนี้จะไม่ทำให้ดัง แต่นี่คือตัวตนของพรรคชาติไทยพัฒนา ตัวตนของ วราวุธ ศิลปอาชา นี่คืองานการเมืองที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้ส่งต่อไว้ให้กับคนรุ่นต่อๆมา และผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อจะรักษาบ้านหลังนี้ไว้” นายวราวุธกล่าว