อัยการจ่อเเจ้งข้อหาฟอกเงิน "ตู้ห่าว" เพิ่ม 1-2 วันนี้ มั่นใจเอาผิดได้

26 ธ.ค. 2565 | 14:40 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ธ.ค. 2565 | 21:45 น.

อัยการ จ่อเเจ้งข้อหาฟอกเงิน "ตู้ห่าว" เพิ่มเติมภายใน 1-2 วันนี้ มั่นใจพยานหลักฐานเอาผิดได้ทุกข้อหา ส่งเมียตู้ห่าวกับพวก ฝากขังค้านประกัน เร่งรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับผู้ต้องหาอีก 1 ชุดก่อนสิ้นปี

26 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการอาคารเอ ถ.แจ้งวัฒนะ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสวบสวน พร้อมด้วยนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน และในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว กับพวก

 

ทั้งนี้ ตามที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งมอบหมายพนักงานสอบสวน โดยให้พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทำการสอบสวน และพนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานต่างประเทศ ร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวน และให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวกเพื่อให้การดำเนินการสอบสวนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการสอบสวน ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันระหว่างพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการในทุกขั้นตอนเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน และให้ปฏิบัติงานโดยไม่มีวันหยุดเพื่อให้สำนวนการสอบสวนเสร็จในกรอบระยะเวลา

 

สำนักงานการสอบสวนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมกันตรวจพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมาฝ่ายเดียวก่อนที่อัยการสูงสุดจะมอบหมายให้พนักงานอัยการ เข้าร่วมสอบสวน และพิจารณากำหนดแนวทางแผนงานเกี่ยวกับการสอบสวนโดยกำหนดกรอบระยะเวลาให้การสอบสวนเสร็จเสนออัยการสูงสุดพิจารณาให้ทันครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหา โดยดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม และได้เสนอขอให้ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมจากผู้ต้องหากลุ่มเดิมที่ถูกจับกุมแล้วอีกจำนวน 15 หมาย และจับกุมตามหมายจับได้ 10 คน ได้สอบสวนแจ้งข้อหาผู้ต้องหาในแต่ละฐานความผิด

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ จำนวน 10 ราย ประกอบด้วย นายสิทธิไพบูลย์ คำนิล นางพัชรินทร์ อิทธิวัฒนา นายสิทธิพงษ์ ถือสัตย์เที่ยง นายชุติพนธ์ จันทร์ชัยธนาธิป นางวัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ นางสุรัสวดี ทองเพิ่มพลอย นายพีรพัฒน์ ทองเพิ่มพลอย นายสิทธิกร ประภาจรัสวงศ์ นายฉัตรชัย ลาภอำนวยเจริญ และ นายณัฐวุฒิ ศรีออน ซึ่งพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวน และแจ้งข้อหาผู้ต้องหาในแต่ละฐานความผิด ดังนี้

 

ฐานสมคบโดยการตกลงกันขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน โดยการกระทำมีลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม (ในการกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการมีไว้เพื่อจำหน่ายฯ

 

ร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าฯ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

 

มีส่วนร่วมกระทำการใด ๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรมหรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว โดยจะมีการสอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป

 

นายกุลธนิต กล่าวว่า ตอนนี้การสอบสวนยังไม่เสร็จอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน แต่หลักฐานที่มีในตอนนี้ขอศาลออกหมายจับเพิ่มเติมแล้ว 15 ราย ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่ชัดเจน เราจึงกล้าขอศาลออกหมายจับ แต่เราก็ยังมีการสอบสวนขยายผล โดยผู้ต้องหาชุด 15 คนที่ขอศาลออกหมายจับล่าสุด แต่ละคนความผิดจะแตกต่างออกไป แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

 

1.กลุ่มฟอกเงินอย่างเดียว

 

2.กลุ่มสมคบกันฟอกเงิน สมคบกันทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และองค์กรความผิดข้ามชาติ โดยขณะนี้เรายังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาอย่างน้อยอีก1ชุด ซึ่งคาดว่าจะขอศาลออกหมายจับได้อีกก่อนสิ้นปีนี้

 

ในส่วนของนายตู้ห่าว มีพยานหลักฐานชัดเจนแล้วว่า เข้าข่ายกระทำผิดฐานฟอกเงิน โดยจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในเรือนจำภาย 1-2 วันนี้ ในส่วนการตามยึดทรัพย์สินนั้น เป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดซึ่งเป็นมูลฐานในข้อหาฟอกเงิน ได้มีการแจ้งไปยังคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์ของ ป.ป.ส. จะแยกส่วนต่างหากจากคดีอาญา เป็นขั้นตอนหนึ่งที่จะยื่นขอให้ศาลยึดทรัพย์สินที่อยู่อำนาจขอ ป.ป.ส. ส่วนเราในฐานะพนักงานสอบสวนอาจจะประสานข้อมูลเข้ามาในสำนวนได้ หากเมื่อเราแจ้งฟอกเงินแล้ว ในขณะนี้ไม่ต้องประสาน ปปง. สามารถแจ้งข้อหาได้เลย

 

กรณีที่ดีเอสไอแถลงว่า จะรับคดีของตู้ห่าวเป็นคดีพิเศษจากความผิดฐานฟอกเงิน เท่าที่ทราบจนกข่าวว่า มีการไปร้องส่าทีการกระทำความผิดให้ดีเอสไอสอบสวนในการกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลนี้ เข้าใจว่า ทางดีเอสไอก็กำลังพิจารณา ถ้าดีเอสไอเห็นว่า การกระทำของคนกลุ่มนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ทางดีเอสไอจะไม่มีอำนาจสอบสวน คดีจะต้องเสนอให้ อสส.พิจารณา ว่าจะดำเนินการสอบสวนเอง หรือมอบหมายพนักงานสอบสวนที่ใดเป็นผู้สอบสวน ตอนนี้สถานะคดีถือว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้ว

 

ส่วนเรื่องการติดตามพยานหลักฐานที่อยู่ต่างประเทศจะมีการขอความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ แต่ก็อาจจะต้องใช้ระยะเวลา เนื่องต้องประสานงานมายังสำนักงานอัยการต่างประเทศเพื่อส่งไปประเทศที่เราขอพยานหลักฐาน ซึ่งเราพบว่าคดีนี้มีการทำธุกรรมระหว่างประเทศ

 

ต่อข้อซักถามที่ว่ากรณีที่มีบุคคลนำเอกสารหลักฐานนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำให้ฝ่ายจำเลยอาจจะรู้ตัว แล้วจะกระทบรูปคดีหรือไม่นั้น นายกุลธนิต กล่าวว่า เป็นการสอบสวนอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มีระบุไว้ถึงการสอบสวนที่จะต้องใช้วิธีพิเศษ การที่มีการนำเอกสารมาเผยแพร่และกระทบรูปคดีทำเกิดความเสียหาย อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน ตามมาตรา 26

 

สำหรับภรรยานายตู้ห่าวขณะนี้โดนตั้งข้อหาเฉพาะเรื่องฟอกเงิน แต่การสอบสวนยังไม่หยุด ถ้าภายหลังพบว่า มีส่วนร่วมกับยาเสพติด หรือองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติก็สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

 

โดยวันนี้พนักงานสอบสวนจะนำผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาจะได้ประกันตัวหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล กรณีนี้มีการจับกุมผู้ต้องหาหลายคนไม่พร้อมกัน ระยะเวลาการฝากขังจะครบกำหนดไม่เท่ากัน กรอบตอนนี้เราจะสรุปสำนวนส่งอัยการสูงสุดก่อนครบฝากขังครั้งที่ 6 ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดจะครบกำหนดในวันที่ 8 ม.ค. 2566 ตอนนี้เรารวบรวมพยานมาได้นับ 100 ปากแล้ว ส่วนจะขึ้นสู่ศาลเมื่อไรต้องพิจารณาอีกครั้ง

 

คดีนี้ตั้งแต่อัยการสูงสุดมอบหมายตั้งคณะทำงานและพนักงานสอบสวนร่วมกันทำงานก็มีการร่วมกันดูคดีตลอด และพนักงานอัยการที่มีมากพอสมควรได้ร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐานจากตำรวจที่ทำมาในตอนแรก ว่าเพียงพอที่จะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง จนได้พยานหลักฐานพยานเอกสารเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น ผู้ต้องหาที่แจ้งข้อหาไปเมื่อวานก็มีการปฏิเสธและจะทำคำให้การมายื่นในภายหลังซึ่งผู้ต้องหาทุกคนมีทนายมาร่วมฟัง

 

ทั้งนี้ มีรายงานว่าในการแถลงข่าววันนี้กำหนดการเดิม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะมาร่วมแถลงข่าวด้วยแต่เมื่อมาถึงได้ถอนตัวกะทันหัน เนื่องจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การแถลงข่าวในครั้งนี้จึงคาดว่าเพื่อลดการเผชิญหน้ากัน