พลังประชารัฐ เข็น “บิ๊กป้อม” นายกฯ คนที่ 30

24 ธ.ค. 2565 | 08:30 น.
552

พปชร.เข็น “บิ๊กป้อม” นายกฯ คนที่ 30 : “ผมมั่นใจว่าพวกเราทุกคนจะทำให้ใจบันดาลแรงให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ คนที่ 30”....วิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

 

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โฉมใหม่ ไม่มี บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ใน “แผนทำพรรค”  ทำให้ต้องชู บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 และลูกพรรคออกมาประกาศแล้วว่า จะทำให้ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 ต่อไป


“ผมมั่นใจว่าพวกเราทุกคนจะทำให้ใจบันดาลแรงให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ คนที่ 30” คำประกาศของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 


การประกาศดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา ในระหว่างการแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของจำนวน 55 คน 


นายวิรัช กล่าวด้วยว่า รู้แน่ชัดว่าปีหน้าไม่เกินวันที่ 22 มี.ค.2566 จะต้องมีกำหนดการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งไม่เกินวันที่ 7 พ.ค.2566 ทุกคนที่มาอยู่กับพรรค พปชร. ต้องทำการบ้าน นำนโยบายของพรรคไปยังประชาชน ขอบคุณที่ไว้ใจ พปชร. เลือก พปชร.ในการมาร่วมอุดมการณ์ บางข่าวบอกเราเลือดไหล เราหยุดไหลมานานแล้ว เราเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป และการเติมเต็มเข้ามามีประสิทธิภาพมากกว่าสิ่งที่ขาดหายไป เราจะเปิดตัวให้ครบ 400 เขต 


ขณะที่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ระบุว่า ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ตามที่ พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกกับพวกเราว่า พปชร.มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาประเทศ ดูแลประชาชนให้อยู่ดีกินดี เป็นพรรคที่สนับสนุนนักลงทุน นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ ชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร พี่น้องแรงงาน และพรรคยืนยันในเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์


นายไพบูลย์ นิติตะวัน ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า มั่นใจอย่างยิ่งต่อผู้สมัครที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับ พปชร. จะทำให้สังคมได้รู้ว่า พปชร.ในวันนี้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา เรามีความเป็นเอกภาพ มั่นคงมีการเติบโต อุดมการณ์ที่แน่วแน่ที่หัวหน้าพรรคมอบหมายไว้ จะทำให้ พปชร.เป็นพรรคของประชาชน ทำเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนทั้งแผ่นดิน 


“เด็กธรรมนัส”คืนรัง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พปชร.จำนวน 55 คน เป็นที่น่าสังเกตว่า รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยลงสมัครรับเลือกตั้งกับ พปชร.ในครั้งที่แล้ว และหลายคนอยู่ในกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะว่าผู้สมัคร ส.ส.ในภาคเหนือ 


รวมไปถึง น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคเศรษฐกิจไทย ที่เคยถูกขับออกจาก พปชร. และยังพบว่าทีมงานภาคเหนือของ ร.อ.ธรรมนัส เริ่มกลับเข้ามาช่วยงานในพรรคแล้ว 


ขณะเดียวกัน ยังมีรายชื่อที่น่าสนใจ อาทิ นายอภิชาต เกียรติสาร สจ.ศรีสะเกษ ที่มาลงสมัครส.ส.ศรีสะเกษ ซึ่งนามสกุลเดียวกับ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค พปชร. และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ดูแลรับผิดชอบภาคอีสานตอนบน 


นายประกิจ พลเดช อดีตผู้สมัครส.ส.บุรีรัมย์ ที่ย้ายมาจากพรรคเพื่อไทย นายสฤษดิ์ ประดับศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ยโสธร ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัครนายก อบจ.ยโสธร ในนามคณะก้าวหน้ายโสธร 


รวมไปถึง นายวิเชียร เจริญนนทสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองใหม่บางบัวทอง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี ซึ่งเป็นน้องชายของ นายวันชัย เจริญนนทสิทธิ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย 


นอกจากนี้ ยังมีผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ในทีม นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่เคยเปิดตัวกับพรรคสร้างอนาคตไทย แล้วมาเปิดตัวในครั้งนี้ด้วย  


ขณะเดียวกัน มีการเปิดตัว นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และพล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ถูกพรรคเศรษฐกิจไทยขับออก และกลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพปชร.อีกครั้ง  

                                      พลังประชารัฐ เข็น “บิ๊กป้อม” นายกฯ คนที่ 30


"ชู"บิ๊กป้อม"เหมาะนายกฯ


นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความชัดเจนของกลุ่ม ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ว่า หลังจากนี้ภายในวันที่ 15 ม.ค.2566 น่าจะมีความชัดเจน นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะเข้ามาร่วมงานการเมือง กับ พรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นการเสริมให้พรรคพลังประชารัฐ มีความเข้มแข็งมากขึ้น


“ร.อ.ธรรมนัส เป็นคนกว้างขว้างทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ถ้า ร.อ.ธรรมนัส กลับมาก็จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ ขับเคลื่อนไปได้อีกมาก ซึ่งใจของผมอยากให้ ร.อ.ธรรมนัส กลับมาพรุ่งนี้เลย และมั่นใจ ส.ส.เศรษฐกิจไทย จะกลับพลังประชารัฐทั้งหมด เห็นว่าในห้วงนี้จะต้องรีบตัดสินใจ เพราะว่าการเลือกตั้งใกล้เข้ามา โดยไม่ว่าพรรคการเมืองไหน หากจะขยับก็ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนม.ค.2566”


ทั้งนี้ การกลับมาพรรคพลังประชารัฐ เพราะมี พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคที่ดีที่สุด การกลับมาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มาก็ได้ทำงานทันทีเหมือนได้กลับบ้านเก่า หาก ร.อ.ธรรมนัส กลับมาร่วมงานกับพรรค ตนมั่นใจว่าไปอยู่ที่ไหนก็มีบทบาท 


“พล.อ.ประวิตร มีความเหมาะสมมาก ในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ยกตัวอย่างกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ทำหน้าที่นายกฯ รักษาการ 1 เดือน มีกระแสตอบรับจากประชาชนค่อนข้างดี และเชื่อว่า หาก พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ  4 ปี จะเกิดความเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยได้จริง” นายบุญสิงห์ ระบุ


+++++++++

 

“บิ๊กป้อม”บารมีมากล้น 


สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกิด 11 ส.ค. 2488 ปัจจุบันอายุ 77 ปี เป็นพี่ใหญ่ปั้น น้องตู่-พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯ 2 สมัย 8 ปี มาแล้วกับมือ 
คอลัมน์เจาะประเด็นร้อน โดย.... ท่องยุทธภพ ที่เผยแพร่ทาง “คมชัดลึกออนไลน์” ได้ให้นิยามเกี่ยวกับ พล.อ.ประวิตร ไว้ว่า 


ปิ๊กป้อม ในวัย 77 ปี ยังมากล้นด้วยบารมี ด้วยนักการเมือง, นักธุรกิจ,ข้าราชการ, ทหาร และ ตำรวจ ที่ตบเท้าเข้า-ออกบ้านป่ารอยต่อฯ อยู่เนือง ๆ จึงถูกเรียกขานว่า “พี่ใหญ่” ผู้ปั้นน้องๆ ให้เข้าไปอยู่ในองค์กรต่างๆ จนมีคำพูดที่ว่า “ไปๆไหนก็เจอแต่เด็กป้อม” 


“พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ใหญ่อบอุ่น และมีความเมตตา มีบารมี ชอบดูแลลูกน้องอย่างทั่วถึง และฟังทุกความคิดเห็นของ ส.ส. ไม่เคยโกรธใคร” คำพูดของ “เสธ.อ้น- พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา” ส.ว.คนดัง คงอธิบายความเป็นพี่ใหญ่ได้ดีทีเดียว


พล.อ.ประวิตร ในฐานะรองนายกฯ เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ27 มิ.ย.2563 ดูแล ส.ส.ทุกซุ้มทุกก๊ก 97 ชีวิตให้อยู่ในแถว เหมือน “พี่ใหญ่” คุมกองกำลังนักเลือกตั้ง


พล.อ.ประวิตร ได้วางตัว วิรัช รัตนเศรษฐ, สมศักดิ์ เทพสุทิน, สันติ พร้อมพัฒน์ , ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ นำทัพเลือกตั้ง ในปี 2566 โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ภาคเหนือตอนล่าง, ภาคกลาง และ ภาคใต้ 


นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังเป็นผู้มีอุปการคุณแก่พรรครวมแผ่นดิน ของ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา และ พรรคเศรษฐกิจไทย ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า


พล.อ.ประวิตร เติบโตมาในยุคทหารพาณิชย์ จึงคบค้าสมาคมกับนักการเมืองอย่าง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, วัฒนา เมืองสุข และเสนาะ เทียนทอง  


สมัยรัฐบาลไทยรักไทย “ทักษิณ ชินวัตร” ได้เข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี ด้วยการนำทหารมาเป็นฐานการเมือง เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และลดโอกาสการทำรัฐประหาร


ทักษิณจึงตั้ง ผบ.ทบ.ให้อยู่ในตำแหน่งได้คนละ 1 ปี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รุ่นน้องของ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รมว.กลาโหม ปี 2547 ได้เป็น ผบ.ทบ.อยู่ 1 ปี ก่อนจะส่งต่อให้ พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน


ครั้งหนึ่ง ทักษิณพูดในแคร์คลับเฮาส์ว่า ส่วนตัวไม่รู้จัก พล.อ.ประวิตร แต่ “..ผมไม่ค่อยรู้จักเขา ก็รู้ว่าเป็นพี่ชายของรุ่นพี่ผม คือ พล.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รู้จักกันดี ก็เลยตั้งเป็น ผบ.ทบ.”


ด้วยคอนเนกชั่นที่ลึกล้ำ พล.อ.ประวิตร จึงมีสะพานเชื่อมระหว่าง “บ้านป่ารอยต่อ” กับ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ดังบทวิเคราะห์ของสื่อหลายสำนักเกี่ยวกับดีลลับข้ามขั้วนั่นเอง


เส้นทางข้างหน้าของ พล.อ.ประวิตร เปิดกว้างสำหรับการเข้าไปมีส่วนตั้งรัฐบาลผสมสมัยหน้า