ส.ส.พปชร. งานเข้า เจอร้องกกต.สอบ.ปฏิทินรูปคู่“บิ๊กตู่”หากผิดเว้นวรรค 10 ปี

22 ธ.ค. 2565 | 12:00 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ธ.ค. 2565 | 19:12 น.

“ศรีสุวรรณ” ร้องกกต.สอบ “สายัณห์ ยุติธรรม” ส.ส.พปชร. ทำปฏิทินขึ้นรูปคู่ “บิ๊กตู่” ชี้แม้ยังไม่ผลิตแต่ความผิดสำเร็จแล้ว ถ้าผิดจริงจะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี

 

วันนี้ (22 ธ.ค.65)  นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)  ขอให้ตรวจสอบ นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่ทำปฏิทินพร้อมขึ้นรูปคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560  และ  พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 หรือไม่  


 นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เรื่องนี้วิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าจะผิดกฎหมายหรือไม่ และเมื่อวานนี้ ( 21 ธ.ค.)  นายสายัณห์ ก็ได้ออกมาชี้แจงว่าเป็นเพียงการทำเป็นกราฟิก ยังไม่ได้เอาไปทำเป็นปฏิทินแจกประชาชนแม้แต่แผ่นเดียว  เพียงแต่มีการส่งภาพกราฟิกนี้ให้เพื่อนดูเป็นการส่วนตัวแล้วภาพมีการหลุดออกไป   

 

และ นายสายัณห์ ยังบอกว่าการกระทำครั้งนี้ ยังไม่ถือว่าความผิดสำเร็จ  แต่ตนเห็นว่าความผิดมันได้สำเร็จตั้งแต่ได้มีการทำกราฟิกขึ้นมาแล้วและส่งให้เพื่อนดู เพราะเพื่อนของ นายสายัณห์ ถือว่าเป็นบุคคลที่สาม และไม่สามารถที่จะควบคุมได้ว่าภาพกราฟิกนั้น จะไม่ถูกนำเอาไปเผยแพร่ได้ 

                              ศรีสุวรรณ จรรยา
ทุกวันนี้การหาเสียงไม่จำเป็นต้องมาแค่ผลิตเป็นปฏิทิน หรือป้ายไวนิลอย่างเดียว  แต่หาเสียงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ดังนั้น การส่งภาพสวัสดีปีใหม่มีรูปคู่กับนายกฯ และมีชื่อพรรคการเมืองอื่น   โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รับอนุญาตนั้นก็มีความผิด  


อีกทั้งการที่ นายสายัณห์ ออกมาปฏิเสธว่าภาพนั้น ยังไม่ได้เผยแพร่ตนมองว่าไม่ใช่ เพราะเรื่องนี้ถือว่าได้มีการเผยแพร่ออกมาแล้ว  และจะนำเป็นสู่การเข้าข่ายการหาเสียงที่ผิดกฎหมายตามกฎเหล็ก 180 วัน  ที่กกต.ได้ออกประกาศไว้  จึงอยากให้ กกต.ตรวจสอบ  ถ้าผิดจริงส.ส.จะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี  

 

“ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะร้องทุกข์กล่าวโทษก็ทำได้ แต่ นายสายัณห์ ที่ออกมาปฏิเสธนั้นผมมองว่าไม่มีน้ำหนักอะไรเลย  และที่กกต.ออกมาระบุว่าจะตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ผมยังเชื่อว่าทาง กกต.อาจจะยังไม่มีต้นเรื่องของเรื่องนี้   จึงได้นำต้นเรื่องมาให้ กกต.เอง  ด้วยการมายื่นเพื่อให้ตรวจสอบ”