ADM “กนก”ห่วงฝากเงินผ่านเครื่อง CDM หวังแก้ปัญหาฟอกเงิน เกาไม่ถูกที่คัน

18 ต.ค. 2565 | 16:48 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ต.ค. 2565 | 00:00 น.

“กนก”ห่วงฝากเงินผ่านเครื่อง CDM ต้องใช้บัตรเครดิต-เดบิต หวังแก้ปัญหาฟอกเงิน เกาไม่ถูกที่คัน เป็นภาระประชาชน ต้องเสียค่าบัตรเดบิตเพิ่ม เหตุเครื่องฝากเงินอัตโนมัติยังอ่านค่าบัตรประชาชนไม่ได้ แนะพัฒนาเครื่องก่อนค่อยออกมาตรการ

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกกฎเกณฑ์ให้ผู้ฝากเงินสดผ่านเครื่อง CDM หรือ ADM ของธนาคารต้องใช้บัตรเดบิต หรือ บัตรเครดิตธนาคาร โดยจะเริ่มวันที่ 15 พ.ย.นี้ว่า หากทำเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมนั้น อาจเป็นการเกาไม่ถูกที่คัน 


เนื่องจากที่ผ่านมาจะเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้น แบบระงับยับยั้งไม่ทัน คือ การโอนเงินผ่านระบบออนไลน์ ที่ไปไวมาก ไม่มีระบบแจ้งเตือน เมื่อเกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ จะมีการแจ้งผ่านเอสเอ็มเอส ก็เป็นระบบที่ผู้ใช้บริการธนาคารต้องเสียเงินจ่ายค่าบริการแยกต่างหาก 

ทั้งที่ความจริงควรให้บริการฟรี เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝากต่ำมาก เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารนำเงินของผู้ฝากไปต่อยอดทำกำไร ควรคืนกำไรส่วนนี้ให้กับผู้ฝากเงิน ผ่านการให้บริการแจ้งความเคลื่อนไหวทางการเงินฟรี ซึ่งเดี๋ยวนี้สามารถทำผ่านแอปได้โดยไม่ต้องเสียเงินส่งข้อความทางเอสเอ็มเอส แต่ต้องแจ้งผู้ฝากเงินให้รับทราบถึงบริการนี้ด้วย

 

"การจะเปลี่ยนแปลงบริการใดก็ตาม ต้องไม่เป็นภาระกับผู้บริโภค แม้จะบอกว่าให้ใช้บัตรประชาชนได้ แต่ความเป็นจริง คือ เครื่องอัตโนมัติยังไม่อ่านค่าจากบัตรประชาชน ซึ่งจะกลายเป็นการจำกัดสิทธิคนที่ไม่มีบัตรเดบิต และเครดิต ในการทำรายการฝากเงินสดผ่านเครื่องอัตโนมัติ ต้องไปใช้บริการผ่านช่องทางสาขาของธนาคารเท่านั้น หากจะไปทำเบัตรเดบิต ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทั้งที่ในปัจจุบันเรากดเงินแบบไม่ผ่านบัตรกันแล้ว" ศ.ดร.กนก กล่าว

ส่วนเหตุผลที่มีการออกมาตรการดังกล่าวมา เพื่อป้องกันการฟอกเงิน เพราะที่ผ่านมาธนาคารไม่ต้องรายงานการทำธุรกรรมผ่านเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ แม้จะเกิน 7 แสนบาท เว้นพบธุรกรรมผิดปกตินั้น หากเห็นว่าเป็นช่องว่าง ก็ควรแก้ที่จุดนี้

 

เช่น ระบุให้ชัดว่า จะฝากเงินจำนวนเท่าไหร่ ที่คิดว่าจะเป็นเหตุแห่งการฟอกเงิน ต้องใช้บัตรประชาชน ไม่ใช่บัตรเดบิตหรือเครดิต โดยเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ ต้องปรับปรุง พัฒนาให้รองรับก่อนที่จะมีการประกาศมาตรการใหม่ออกมา