อสส. สั่งฟ้อง "ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" กับพวกร่วมกันฆ่า "บิลลี่"

15 ส.ค. 2565 | 15:25 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ส.ค. 2565 | 22:31 น.
1.1 k

คดีบิลลี่ อสส. สั่งฟ้อง "ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" อดีตหน.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับพวกรวม 4 คน ฐานร่วมกันฆ่านายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยไตร่ตรองไว้ก่อน

15 สิงหาคม 2565 นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งชี้ขาดความเห็นเเย้งให้ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับพวกรวม 4 คนฐาน ร่วมกันฆ่านายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยไตร่ตรองไว้ก่อน

 

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องคดีจริงโดยขั้นตอนหลังจากนี้ สำนวนได้ถูกส่งมายังนายพรชัย ชลวาณิชกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ โดยอธิบดีจะจ่ายสำนวนไปให้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ1 เพื่อออกหมายนัดตัวนายชัยวัฒน์กับพวกผู้ต้องหามายื่นฟ้องต่อศาลต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้ต้องหาที่ 1 นายบุญแทน บุษราคำ ผู้ต้องหาที่ 2 นายธนเสฏฐ์หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตน ได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตน ได้กระทำไว้, ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด

 

โดยทำให้กลัวว่า จะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย

 

ร่วมกันโดยทุจริตหรืออำพรางคดีกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91,249,(4) (7),309,310 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล กฎหมายอาญา(ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150ทวิ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2542 มาตรา 5

โดยก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2563 อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 มีคำสั่งไม่ฟ้องหลายข้อหา ในคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนคดีอาญาให้สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาคดีระหว่าง น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ กับพวกรวม 2 คน ผู้กล่าวหา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร, นายบุญแทน บุษราคัม, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงศ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 1-4 นั้น

 

โดยขณะนั้น นายฐาปนา ใจกลม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้จ่ายสำนวนให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 พิจารณา ตั้งคณะทำงาน โดยคณะทำงานร่วมกันตรวจพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่า สำหรับข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 

คณะทำงานพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานพอฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 จึงเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-3 ในข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/2, 172 และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 4 ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิดดังกล่าวข้างต้น

 

ส่วนข้อกล่าวหาอื่น คณะทำงานเห็นว่า ทางคดีไม่มีประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมใดๆ เพียงพอที่จะเชื่อมโยงว่า ผู้ต้องหาทั้งสี่ได้ร่วมกันกระทำผิด มีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง

 

สำหรับข้อหาร่วมกันฆ่าบิลลี่ คณะทำงานเห็นว่า ในชั้นนี้พยานหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสี่เช่นกัน ซึ่งต่อมาทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีความเห็นเเย้งคำสั่งของอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 ตามขั้นตอนจึงต้องส่งให้จนอัยการสูงสุดชี้ขาดในครั้งนี้