"หญิงหน่อย"บุกสภา ยื่นร่างพรบ.บำนาญ-สวัสดิการผู้สูงอายุ เดือนละ 3 พัน

04 ส.ค. 2565 | 14:02 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ส.ค. 2565 | 21:14 น.

"สุดารัตน์"นำทัพไทยสร้างไทยบุกสภาฯ ยื่นร่างพ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติและสวัสดิการผู้สูงอายุ ดูแลผู้สูงอายุ เดือนละ 3,000 บาท หวังกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก-ลดความเหลื่อมล้ำ

วันที่ 4 สิงหาคม 2565 ที่รัฐสภา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย และแกนนำพรรคไทยสร้างไทย

 

ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บำนาญแห่งชาติและสวัสดิการผู้สูงอายุ พ.ศ. …   ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ประธานสภาฯบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมต่อไป
 

พรรคสร้างไทยยื่นร่างพ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติและสวัสดิการผู้สูงอายุต่อนายชวน หลีกภัย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ในหลักการของพรรคพรรคไทยสร้างไทย เราคิดว่าประชาธิปไตยต้องเป็นประชาธิปไตยเพื่อประชาชน คนไทยทุกคนควรจะได้รับการดูแลอย่างมีศักดิ์ศรี ตั้งแต่เกิดจนแก่

 

นโยบายของพรรคเราจะมีเรื่องการดูแลทารกในครรภ์ จนถึงช่วงวัยเรียน วัยทำงาน และวัยเกษียณ เมื่อเราทำร่างกฎหมายฉบับนี้เสร็จก็ได้มายื่นต่อสภาฯ เพื่อให้สภาฯเชิญชวนประชาชนมีส่วนร่วมสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว

 

หลังจากที่พรรคไทยสร้างไทยเดินสายพบประชาชนก็ได้รับการตอบรับในเรื่องนี้เป็นอย่างดี โดยร่างกฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายให้ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เพื่อดูแลผู้สูงวัยที่มีรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ เพราะตอนนี้ประเทศไทยได้เดินสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มขั้นแล้ว ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน เมื่อรายได้ไม่ดี สุขภาพก็ไม่ดีด้วย
 

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นเราจะปล่อยให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแต่ผู้สูงอายุที่มีความจน และสุขภาพไม่ดี จะทำให้เป็นปัญหาภาระมากมาย เช่นการรักษาพยาบาลของรัฐ ไม่เกิดการสร้างงาน และสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ จึงมีความจำเป็นต้องดูแลผู้สูงวัย

 

โดยการมุ่งเน้นส่งเสริมให้เกิดการสร้างสุขภาพ มีบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท เพื่อให้ผู้สูงวัยมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเองได้ มีสุขภาพดี ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของประเทศและครอบครัว

 

อีกทั้งช่วยลดภาระของลูกหลานที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน เชื่อว่าจะเกิดผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจมหาศาล เพราะเศรษฐกิจฐานรากสำคัญที่สุด ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวจะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้