รัฐบาลยันลดหย่อนหนี้ กยศ. กว่าสองล้านรายแล้ว

31 ก.ค. 2565 | 10:05 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ก.ค. 2565 | 17:30 น.

รองโฆษกรัฐบาล ยันนายกฯสั่งการเร่งช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. เต็มที่ ครอบคลุมการลดภาระหนี้ ลดความเสี่ยงถูกดำเนินคดี แจงลดหย่อนหนี้ กยศ.แล้วกว่าสองล้านราย

วันที่ 31 ก.ค.65 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่มีพรรคฝ่ายค้านกล่าวหาว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สนใจการแก้ปัญหาหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งเป็นเรื่องที่ตรงข้ามกับความจริงอย่างที่สุด

 

ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเร่งให้การช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ.อย่างเต็มที่ ครอบคลุมการลดภาระหนี้ ลดความเสี่ยงถูกดำเนินคดี แก้กฎหมายให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น ผ่านการการดำเนินการสามเรื่องหลัก ดังนี้ 

 

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

1) กองทุนฯ ร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม จัดงานไกล่เกลี่ยหนี้ทั่วประเทศเพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ

 

มีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มที่ค้างชำระหนี้ที่ถูกบอกเลิกสัญญาและกำลังจะถูกฟ้อง และกลุ่มที่จะถูกบังคับคดี หากผู้กู้ยืมเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ย กองทุนฯจะไม่ดำเนินคดี

 

นอกจากนั้น ผู้กู้ยืมจะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับ รวมทั้งได้รับโอกาสในการขยายระยะเวลาผ่อนชำระได้ถึงอายุ 65 ปี เพื่อให้ผู้กู้ยืมสามารถกลับเข้ามาสู่ระบบการชำระหนี้ให้เป็นปกติ 
 

2) ขยายระยะเวลามาตรการลดหย่อนหนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้กู้ยืมมาชำระเงินคืน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 65 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 65 โดยมีเงื่อนไขมาตรการ ดังนี้

1. ลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากเดิม 1% ต่อปี เป็น 0.01% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้

2. ลดเงินต้น 5% กรณีชำระหนี้ปิดบัญชี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้  

3. ลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ยืมเงินทุกกลุ่มที่ชำระหนี้ปิดบัญชี ดังนี้

3.1 ผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี สามารถชำระได้ที่ธนาคารกรุงไทยและธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยทุกสาขา

3.2 ผู้กู้ยืมเงินที่ถูกดำเนินคดีแล้ว ต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิและนัดหมายวันที่ประสงค์จะชำระหนี้ปิดบัญชีได้ที่ www.studentloan.or.th โดยผู้กู้ยืมเงินต้องชำระค่าทนายความและค่าฤชาธรรมเนียมศาลให้เสร็จสิ้นก่อนปิดบัญชี

4. ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี เมื่อชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ (ไม่ค้างชำระ)

5. ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

 

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ข้อมูลระหว่างเดือน ม.ค.64-พ.ค.65) มีผู้ที่ได้รับสิทธิลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.01% จำนวน 6.4 แสนราย มีผู้ที่ใช้สิทธิมาตรการลดเงินต้น 5% จำนวน 2.6 หมื่นราย คิดเป็นส่วนลดเงินต้นกว่า 67 ล้านบาท มีผู้ที่ใช้สิทธิมาตรการลดเบี้ยปรับ 100% จำนวน 7.5 หมื่นราย คิดเป็นส่วนลดเงินเพิ่มกว่า 1,324 ล้านบาท

 

มีผู้ที่ใช้สิทธิมาตรการลดเบี้ยปรับ 80% จำนวน 4 แสนราย คิดเป็นส่วนลดเงินเพิ่มกว่า 16 ล้านบาท และมีผู้ที่ได้รับสิทธิลดอัตราเบี้ยปรับเหลือ 0.5% จำนวน 1.2 ล้านราย

 

3) ครม.เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่...) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งรัฐบาลได้เสนอให้กองทุนฯมีอำนาจในการปลดภาระผู้ค้ำประกัน เมื่อผู้กู้ยืมได้ผ่อนชำระเงินต้นมาแล้วร้อยละ 25 ของเงินต้นที่ค้างชำระ รวมถึงเสนอการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยและดอกเบี้ยผิดนัดให้เหมาะสม

นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรี มีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาหนี้ กยศ.และสั่งการให้เป็นเรื่องเร่งด่วน มาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้วสามารถช่วยเหลือลูกหนี้และลดผลกระทบต่อผู้ค้ำประกันได้จริง ทั้งนี้ จากมาตรการลดหย่อนหนี้เพื่อจูงใจให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้น มีจำนวนผู้ได้รับประโยชน์นับตั้งแต่ ม.ค.64 รวม 2.34 ล้านราย และยังมีลูกหนี้ที่ไม่ต้องถูกดำเนินคดีจากการเข้าสู่กระบวนการไกล่หนี้อีกจำนวนมาก ขณะที่การเสนอร่างกฎหมายกองทุนฯ เป้าหมายเพื่อปฏิรูปโครงสร้างสินเชื่อ จะช่วยเหลือผู้กู้ที่เดือดร้อน อีกทั้งยังเป็นกฎหมายที่สร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้กู้และผู้ค้ำประกันมากขึ้นด้วย จึงอยากขอให้สภาฯผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ในเร็ววัน

 

“ขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงให้ประชาชนทราบข้อมูลจริง ถึงมาตรการต่างๆที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือ เพื่อผู้กู้จะได้คลายกังวลและหาทางออกจากปัญหาหนี้ร่วมกับ กยศ. ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมเงินสามารถตรวจสอบสถานะและยอดชำระได้ที่แอปพลิเคชัน กยศ. Connect หรือสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.studentloan.or.th หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการต่างๆได้ที่  02016 4888”รองโฆษกรัฐบาล กล่าว