“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา

20 ก.ค. 2565 | 11:27 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ก.ค. 2565 | 18:37 น.

“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา  ตอกกลับ”ประเสริฐ” หูดับ ทั้งหมดคือความคืบทำตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมายชัดเจนทุกเรื่องทั้งแพ่ง อาญา วินัย ยันไล่บี่ทั้ง ”ถุงมือยาง-จำนำข้าว- จำนำมัน” เอาเงินหลวงคืนแผ่นดิน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้าย ที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวหา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในการทุจริตถุงมือยางภาค 2 ว่า กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ จนเกิดความเสียหายขึ้น และปัจจุบันยังไม่สามารถติดตามเงินที่หายไป 2,000 ล้านบาทกลับคืนมาได้นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ท่านฉายหนังเรื่องเก่าเกือบ90%เป็นเรื่องที่พูดมาแล้ว

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

และได้มีการชี้แจงเรื่องถุงมือยางไปแล้ว แต่วันนี้ผมจะมาเติมในส่วนที่ไม่มีความคืบหน้าที่ท่านกล่าวหาผมไม่มีการจัดการกับผู้ที่ทำผิดนั้นไม่เป็นความจริงผมไม่กลัวความจริงและท่านโกหกกลางสภา แอบอ้างผลงานที่บอกว่าไปยื่นให้ปปช.ไต่สวน22รายนั้น ท่านก็โกหก  เพราะปปช.นั้นไม่ได้เอาสำนวนไต่ส่วนของท่ายไปพิจารณาแต่เป็นการสำนวฯขององค์การคลังสินค้า(อคส.)ที่ยืนไปให้ปปช.

 

“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา

“ผมชี้แจงไปชัดเจนแล้วเกือบทั้งสิ้น เพียงแต่ท่านมาเติมว่าตั้งแต่วันที่ท่านอภิปรายถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้า และตนไม่กล้าจัดการอะไรกับประธานบอร์ดและที่ท่านกล่าวหาไม่เป็นความจริง และท่านโกหกกลางสภา แอบอ้างผลงาน ว่าท่านนำเรื่องไปยื่น ป.ป.ช. และ ป.ป.ช. ไต่สวน 22 รายมีความก้าวหน้าในคดี ป.ป.ช. อันนี้ก็โกหก ไม่จริง ป.ป.ช.ไต่สวนไม่ใช่เอาสำนวนท่านไปไต่สวน

“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา

ไต่สวนเพราะองค์การครั้งสินค้า(อคส.) ไปยื่นแจ้งให้สอบสวนคดีทุจริต และมีความคืบหน้าคาดว่าอาจจะมีมติชี้มูลเร็วนี้ ที่สำคัญไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนในแง่ที่ตนจะเป็นผู้ร่วมกระบวนการทุจริต ไม่เคยมีการเรียกตนไปชี้แจง หากเกี่ยวข้องต้องเรียกตนไปชี้แจง ยังไม่เคยมีขอทำความเข้าใจ และ ที่ท่านกล่าวหาว่าผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตไม่จริง ทั้งในที่ลับที่แจ้ง ทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ยืนยัยว่าไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทันทีที่ทราบเรื่องเข้าไปบริหารจัดการมีความคืบหน้าเป็นลำดับ ”

“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา

“ผมชี้แจงไปชัดเจนแล้วเกือบทั้งสิ้น เพียงแต่ท่านมาเติมว่าตั้งแต่วันที่ท่านอภิปรายถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้า และตนไม่กล้าจัดการอะไรกับประธานบอร์ดและที่ท่านกล่าวหาไม่เป็นความจริง และท่านโกหกกลางสภา แอบอ้างผลงาน ว่าท่านนำเรื่องไปยื่น ป.ป.ช. และ ป.ป.ช. ไต่สวน 22 รายมีความก้าวหน้าในคดี ป.ป.ช. อันนี้ก็โกหก ไม่จริง ป.ป.ช.ไต่สวนไม่ใช่เอาสำนวนท่านไปไต่สวน ไต่สวนเพราะองค์การครั้งสินค้า(อคส.) ไปยื่นแจ้งให้สอบสวนคดีทุจริต และมีความคืบหน้าคาดว่าอาจจะมีมติชี้มูลเร็วนี้ ที่สำคัญไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนในแง่ที่ตนจะเป็นผู้ร่วมกระบวนการทุจริต ไม่เคยมีการเรียกตนไปชี้แจง หากเกี่ยวข้องต้องเรียกตนไปชี้แจง ยังไม่เคยมีขอทำความเข้าใจ”

“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา

ที่ท่านกล่าวหาว่าตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตไม่จริง ทั้งในที่ลับที่แจ้ง ทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทันทีที่ทราบเรื่องเข้าไปบริหารจัดการมีความคืบหน้าเป็นลำดับ

“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา

ทั้งนี้ภารกิจของ อคส.คือการทวงเงินคืนเพราะอคส.เป็นเจ้าของเรื่องและไม่ได้มีแต่เรื่องถุงมือยางแต่ยังมีเงินอีก3ก้อนใหญ่ที่อคส.ต้องตามทวงคืน นอกเหนือจาก การทุจริตถุงมือยาง 2,000 ล้านพร้อมดอกเบี้ย  ยังมีเงินอีก2ก้อนคือเงินจากการทุจริตโครงการับจำนำข้าสมัยที่ท่านเป็นรัฐบาลวง เงิน 504,861 ล้านบาท ที่ยังไม่จบก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เห็นทวงว่าช้าแต่และเงินทุจริตจำนำมันสำปะหลังซึ่งเป็นโครงการคู่แฝดทุจริตจำนำข้าวที่พวกท่านเป็นรัฐบาล ต้องไปทวงเงินคืนมาทั้งหมด 33,000 ล้านบาท   

“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา

สำหรับการทุจริตทุจริตถุงมือยาง 2,000 ล้านบาทบวกดอกเบี้ย เกิดขึ้นเพราะอดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส.ที่ทำสัญญาขายถุงมือยาง 125,000 ล้านบาทให้กับ 7 บริษัท จากนั้นทำสัญญาซื้อถุงมือยางกับบริษัทการ์เดียนโกลฟส์ฯ 110,000 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นเงื่อนไขหรือจังหวะเบิกเงิน อคส. 2,000 ล้านบาทอ้างว่าจ่ายมัดจำ  หลังจากที่ผมและผอ.คนใหม่เข้ามาทำงานต่อพบว่ามี การเบิกเงินจากบัญชี 2 ก.ย.63 จากนั้น 10 ก.ย.63 ผู้อำนวยการคนใหม่เข้ารับหน้าที่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ รายงานให้ทราบทันทีว่าพบเงินหายจากบัญชี 2,000 ล้านบาท และวันเดียวกัน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีมีคำสั่งย้ายอดีตรักษาการผู้อำนวยการไปอยู่สำนักนายกฯทันที

“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา

“ดังนั้นถ้าท่านนายกฯละเลยถ้านายจุรินทร์ละเลยคำสั่งนี้จะมาไหม จากนั้นผู้อำนวยการ อคส.ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง จากนั้น 18 ก.ย. ผู้อำนวยการไปแจ้งความอดีตรักษาการผู้อำนวยการกับพวกกับดีเอสไอ และแจ้งความกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดบัญชีในทันที จากนั้นผู้อำนวยการ อคส. แจ้งความกับ ป.ป.ช”.

“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา

ผมยืนยันว่าทันทีที่รับเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และสอบหมดแล้วตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตัวเล็กจนตัวใหญ่ถึงผู้อำนวยการ ประธานบอร์ด ไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีหรือท่านนายกรัฐมนตรี คือกระบวนการที่ท่านทราบดี จากนั้นกรรมการ ป.ป.ช. มีมติอายัดบัญชี 2,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.63 มีความคืบหน้าในการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง อคส. พบการกระทำผิด ชี้มูลความผิด 3. รายคืออดีตรักษาการผู้อำนวยการ และเจ้าหน้าที่อีก 2 ราย จากนั้นผู้อำนวยการก็ตั้งกรรมการสืบสวนต่อไปเพื่อลงโทษทางวินัยตามระเบียบ

“ผมยืนยันกับสภาชัดเจนว่าไม่เคยมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยวกับโครงการนี้หรือการดำเนินการใด ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการทั้งที่ลับที่แจ้ง และได้ชี้ให้เห็นว่าวันนั้นท่านโกหกหลายเรื่องทั้งเก่าหาว่าไม่เคยตั้งกรรมการสอบ และกล่าวหาว่าไม่เคยมีการอายัดเงินก็ไม่จริง ป.ป.ช.อายัดเงินแล้ว ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่กฎหมายรองรับ ที่บอกว่าไม่เคยดำเนินคดีก็ไม่จริงส่ง ปปง. ป.ป.ช.ซึ่งเป็นการเริ่มต้นกระบวนการยุติธรรมและอธิบายไว้ชัดเจนว่าไม่ว่าจะรู้จักใคร ผู้ใหญ่ขนาดไหน รู้จักนายกรัฐมนตรี รู้จักรัฐมนตรี ไม่ได้แปลว่าจะมีอำนาจล้นฟ้า เมื่อไหร่ที่ทำผิดกฏหมายก็ต้องเข้าคุก เรื่องนี้ผมไม่ยอมไม่ว่าใครทุจริตโครงการนี้ก็ตาม จะจัดการทั้งทางวินัยแพ่ง อาญา จนถึงที่สุด ตราบเท่าที่มีอำนาจหน้าที่ และกฎหมายให้อำนาจตน เป็นสิ่งที่ตนยืนยันผูกพันไว้กับสภาแห่งนี้ และได้ดำเนินการมาโดยต่อเนื่อง”

โดยหลังจากนี้ จะเร่งรัดดำเนินการ ทั้งในส่วนของคดีแพ่งกับอาญาจะสั่งการให้ผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ ให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.ในทุกเรื่อง ปปง.ทุกประการ และติดตามรายงานความคืบหน้าเป็นระยะและเร่งรัดการลงโทษทางวินัย ใครเกี่ยวข้องให้นำเงิน 2,000 ล้านบวกดอกเบี้ยมาชดใช้ค่าเสียหาย

“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา

ความคืบหน้าล่าสุดคือคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงสรุปผลการสอบวินัยเสร็จ ได้ชี้มูลความผิด 3 ราย มีมติให้ไล่ออกทั้ง 3 ราย  ผู้อำนวยการ อคส.ออกคำสั่งไล่ออกตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 64 จำนวน 2 ราย ส่วนอดีตรักษาการผู้อำนวยการ บังเอิญว่าโดนคำสั่งย้ายไปสำนักนายกจึงถามไปยังกฤษฎีกาเป็นการดำเนินการ กฤษฎีกาตอบว่าอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการทางวินัยเป็นหน้าที่ของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  เพื่อให้กระบวนการลงโทษถูกต้องตามกฎหมายไม่ถูกโต้แย้งวันหลังให้เป็นโมฆะ โดยให้สามารถนำผลการสอบสวนของ อคส. ไปดำเนินการทางวินัย ให้ถือว่าเป็นการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้ ปลัดสำนักนายกฯต้องตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยโดยทำตามพระราชกฤษฎีกา ตอนนี้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีจบเรื่องวินัยและต้องติดตามต่อไป

“จุรินทร์”สวนกลับ เพื่อไทย เอาหนังเก่ามาฉาย โกหกกลางสภา

ส่วนเรื่องละเมิด ติดตามทวงเงิน 2,000 ล้านบวกดอกเบี้ยคืนใครกระทำความผิดหรือเกี่ยวข้องต้องนำเงินมาชดใช้เพราะเงินหลวงตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ต้องไล่เบี้ยจนมีผู้นำเงินมาชดใช้ ตามพระราชบัญญัติการรับผิดทางละเมิด ได้มีการแต่งตั้งโดยผู้อำนวยการ อคส. มีรองปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ผลการสอบออกมาแล้ว

มีด้วยกัน 2 กลุ่ม 1.กลุ่มที่ตั้งสอบแล้วพบเจตนาทำให้รัฐเสียหาย 2.กลุ่มที่กรรมการชี้ว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เจตนาทำให้รัฐเสียหาย มี 4 รายต้องชดใช้คนละ 400.8 ล้านบาท รวม 1,603 ล้านบาท 4 ราย 3 รายแรก จนท.ที่ถูกชี้มูลความผิดทางวินัยและเพิ่มอีกหนึ่งคือประธานบอร์ด วันนี้ชัดเจนว่าประธานบอร์ดก็ถูกชี้ว่าต้องรับผิดชอบชดใช้ความเสียหายด้วย ข้อหาเจตนาทำในข้อหาเจตนาทำให้รัฐเสียหาย 400 ล้านบาทโดยประมาณกลุ่มที่ 2 ประมาทเลินเล่อมี 3 ราย ชดใช้คนละ 133.6 ล้านบาท รวม 400.8 ล้านบาท รวมสองกลุ่มเป็น 2,000 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยตามกระบวนการของพระราชบัญญัติการรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไปยุติที่กระทรวงคลังเป็นผู้ชี้ขาดตามกฎหมาย ได้ส่งเรื่องไปยังกระทรวงการคลังแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.65 แต่ยังติดประเด็นประธานบอร์ด ไม่ใช่ใครปกป้องแต่ติดข้อกฎหมายเพราะถ้าไม่เป็นกระบวนการกฎหมายจะถูกโต้แย้งทำให้กระบวนการไม่ชอบ สุดท้ายใครรับผิดชอบค่าเสียหายก็ลอยนวล

ส่วนกรณีประธานบอร์ดมีประเด็นข้อกฎหมายจากผลการสอบให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นไปตามคำสั่งผู้อำนวยการ อคส. แต่ประธานบอร์ดเป็นผู้บังคับบัญชา  ดังนั้นต้องถามกฤษฎีกาซึ่งกฤษฎีกาตอบกลับมาว่า หากพบความผิดทางละเมิดของประธานบอร์ดให้รัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบโดยใช้กรรมการสอบชุดเดิมได้ เพื่อผลสอบจะได้ไม่เกิดความลักลั่น ซึ่งวันที่ 31 พ.ค. 65ที่ลงนามแต่งตั้งกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิดประธานบอร์ดเสร็จสิ้นแล้ว ความคืบหน้าคือกรรมการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วส่วนการไต่สวนของ ป.ป.ช.กำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของกรรมการ ป.ป.ช.ต่อไป

อย่างไรก็ตามนายประเสริฐได้ลุกขึ้นประท้วงกล่าวหาว่านายจุรินทร์ตอบไม่ตรงคำถาม ซึ่ง นายจุรินทร์กล่าวว่าที่ท่านกล่าวหาในญัตติว่าผมปล่อยประละเลยไม่ติดตามแก้ไขปัญหาการทุจริตเพื่อให้มีการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รัฐหรือ อคส. จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับมีความคืบหน้าในทุกกรณีตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมาย  แต่ทำไมเงินก้อนที่2 แม้ท่านไม่ได้ทวงถามความคืบหน้าว่าช้าแต่เรื่องนี้ 10 ปีแล้ว แต่ผมทำต่อเนื่องทุจริตจำนำข้าวที่พวกท่านสร้างไว้ ก่อความเสียหายให้ อคส. 504,861 ล้านบาท จนต้องฟ้องเรียกค่าเสียหาย รวม 1,180 คดี  ไม่ได้เอาชั่วใส่ใคร ถ้าชั่วจริงก็ต้องชั่วการดำเนินการทางกฎหมายต้องเกิด เหมือนทุจริตถุงมือยางถ้าทุจริตจริงก็ต้องจัดการและเส้นทางการเงินที่ท่านพูดนั้น ป.ป.ช. ดำเนินการ ปปง. ก็เป็นองค์กรตามกฎหมายที่ดำเนินการ ที่ต้องชี้แจงทุจริตจำนำข้าวเพราะท่านเขียนในญัตติ กล่าวหาว่า มีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยไม่ติดตามแก้ไขปัญหาการทุจริตเพื่อให้ชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รัฐหรือ อคส.ซึ่งผมกำลังอธิบายว่าติดตามความเสียหายอย่างไรและไม่ได้มีก้อนเดียวเฉพาะถุงมือยาง ยังมีทุจริตจำนำข้าวอีกก้อน เป็นภารกิจต้องติดตาม ซึ่ง 1,180 คดี ความเสียหาย 500,000 กว่าล้านบาท ต้องทุ่มเทกำลังเวลาในการปฏิบัติงานไปใช้กับการดำเนินคดีที่พวกท่านก่อไว้ 10 ปีที่แล้ว คดียังอยู่ในศาลคืบหน้าเป็นลำดับแต่ยังต้องใช้เวลาตามกระบวนการยุติธรรม

และอีกก้อน 30,000 กว่าล้านบาท ทุจริตจำนำมันสำปะหลัง สมัยท่านเป็นรัฐบาลเหมือนกันผมถึงบอกว่าก๊อปปี้ทุจริตจำนำข้าวมาเลย ไม่ต้องเอ่ยว่ารัฐบาลไหนคือพวกท่านแล้วกัน ทำ อคส. ขาดทุน 33,000 ล้านบาท ต้องทุ่มเทกำลังฟ้อง ฟ้องแล้ว 164 คดี เรียกค่าเสียหาย 20,065 ล้านบาท ศาลจำคุกแล้ว 26 คดี แต่ยังไม่จบต้องเอาเจ้าหน้าที่ขึ้นศาลเพราะสิ่งที่พวกท่านก่อไว้  โดยตอนสั่งเร่งรัดทั้งวงเงินทั้ง 3 ก้อนผมไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังเพราะนี่คือเงินของรัฐตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ต้องดำเนินการเอาคืนเพราะการเอาจริงเอาจังกับการทุจริตและความไม่โปร่งใสและความโปร่งใสของ อคส.ในยุคนี้ทำให้คะแนนคุณธรรมและความโปร่งใสของ อคส. กระเตื้องขึ้นเยอะ ยุคท่านได้ไม่ถึง 70 คะแนน ในปี 63-64 ป.ป.ช. ให้คะแนน อคส. มีคุณธรรมความโปร่งใสและเป็นองค์กรที่เชื่อถือได้ในเรื่องนี้ ปี 63 ได้  83 คะแนนระดับเอ ปี 64 ได้ 93.59 คะแนน ตนไม่ได้ประเมินเองแต่ ป.ป.ช. ที่เป็นองค์กรอิสระในการจัดการกับการทุจริตและส่งเสริมความโปร่งใสและคุณธรรมธรรมาภิบาลในการบริหารบอกมา

“ที่ท่านบอกว่าไม่เห็นความคืบหน้า ท่านหูดับแล้ว เพราะทั้งหมดคือความคืบหน้าของการดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมายชัดเจนทุกเรื่องทั้งแพ่ง อาญา วินัยและการหาตัวผู้กระทำผิดมาชดใช้ค่าเสียหาย 2000 ล้านบวกดอกเบี้ย ส่วนถ้าจะส่ง ป.ป.ช.ไม่มีปัญหา ดีจะได้ช่วยกันตรวจสอบการทุจริต ไม่ว่าที่ไหนก็ตามตนพร้อมให้ความร่วมมือท่านไม่ต้องห่วง”