สองพี่น้อง ตระกูลเสนพงศ์ "เทพไท-มาโนช" บนเส้นทางการเมือง

06 ก.ค. 2565 | 14:35 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ค. 2565 | 21:41 น.
1.5 k

เปิดประวัติ "เทพไท-มาโนช" สองพี่น้อง ตระกูลเสนพงศ์ บนเส้นทางการเมือง หลังศาลพิพากษาจำคุก ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี

หลังจากที่ศาลฎีกาพิพากษายืน คดีโกงเลือกตั้ง อบจ.นครราชสีมา จำคุก "มาโนช" และ "เทพไท" เสนพงศ์ เป็นเวลา 2 ปี ไม่รอลงอาญา และตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี 
ปิดฉากอนาคตทางการเมืองของสองพี่น้อง "เทพไท - มาโนช" ตระกูลเสนพงศ์ ที่มีมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะนายเทพไท ส.ส.ที่ไม่เคยสอบตก

 

สำหรับเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช 4 สมัย เป็นบุตรคนที่ 3 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด มีเชื้อสายตูนิเซีย

 

ประวัติการศึกษา 

ประกาศนียบัตร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(กฎหมายมหาชน) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(FUTURE OF LEADER) คณะพัฒนาสังคมสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

 

เทพไท สมรสกับ นางสาวพอเพ็ญ เริงประเสริฐวิทย์ บุตรีของ พ.อ.(พิเศษ) พลเริงประเสริฐวิทย์ อดีต ส.ส.จังหวัดอุทัยธานี 6 สมัย อดีตหัวหน้าพรรคสยามประชาธิปไตย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจพันล้านในยุคนั้น

เส้นทางการเมือง "เทพไท-มาโนช" เสนพงศ์ 

 

นายเทพไท เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางการเมืองตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษาในรั้วพ่อขุนฯ ได้รับเลือกเป็น นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง

 

ก่อนเข้าสู่ถนนการเมือง เริ่มต้นจากการเป็นมือขวาของ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช สมัยอยู่พรรคพลังธรรม ขยับขึ้นมาเป็น ผู้ช่วย ส.ส. และ เป็น เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดมหาดไทย ของนายชำนิ เมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็น รมช.มหาดไทย 

 

ต่อมาเมื่อนายชำนิข้ามสังกัดมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไทจึงย้ายมาเข้าสังกัดพรรคนี้ด้วยและได้รับเลือกเป็น ส.ส.ครั้งแรกเมื่อปี 2544 จากนั้นก็ได้รับเลือกตั้งเรื่อยมา ควบคู่ไปกับการทำหน้าที่เป็น โฆษกของพรรคสีฟ้า รวมถึงเป็นโฆษกประจำตัวของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรี ด้วย

 

ส่วน นายมาโนช น้องชายนั้น ที่ผ่านมาได้รับการเลือกตั้งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นติดต่อกันมาหลายสมัยเช่นกัน กระทั่งได้ลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช กับ นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช แชมป์เก่า ซึ่งเป็นน้องชายนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีต ส.ส.พรรค ปชป.เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2557 โดยนายมาโนช ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนถล่มทลาย 

 

ต่อมานายพิชัยได้ร้องเรียนไปยัง กกต. 3 ข้อหา คือ กรณีจัดเลี้ยงกำนันผู้ใหญ่บ้าน, รถแห่ป้ายรณรงค์หาเสียงของนายมาโนช โฆษณาว่า นายกมาโนช ลงสมัครในนาม ปชป.และข้อหานายปิยะวัฒน์ เกตุแก้ว เลขาฯนายมาโนช แจกเงินหัวคะแนน

 

หลังจาก กกต.ใช้เวลาพิจาณาหลักฐานนานกว่า 1 ปี ในที่สุดก็มีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือให้ใบแดงกับนายมาโนช ภายหลังศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มีคำพิพากษายืนตาม กกต.ให้ใบแดงนายมาโนชในข้อหาจัดเลี้ยงกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ครัวอันดามัน ส่วนข้อหาอื่นให้ยก

 

ย้อนรอยคดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช 

เริ่มจากนายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช น้องชายของ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเดียวกัน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

 

นายมาโนช น้องชาย นายเทพไท กรณีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.เมื่อปี 2556 นำไปสู่การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งยื่นฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และให้ใบแดง "นายมาโนช" อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช ในปี 2558 

 

นอกจากนี้นายพิชัย ยังได้ยื่นต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เอาผิดทางอาญา ฟ้อง นายมาโนช เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาฐานร่วมกันกระทำความผิดในการทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ในฐานทำผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ในความผิดฐานเลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงแก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครอื่นซึ่งศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 สั่งให้จำคุก นายเทพไทและนายมาโนช น้องชาย คนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ต่อมานายเทพไทได้ใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์

 

ล่าสุด วันนี้(6 ก.ค.65)ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ จำคุก 2 ปี และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี นายมาโนช และ นายเทพไท เสนพงศ์ ในคดีอาญา คดีทุจริตเลือกตั้ง นายก อบจ.นครศรีธรรมราช