"ชลน่าน"ย้ำฝ่ายค้านไม่รับหลักการงบฯปี 66 จี้"นายกฯ"ยุบสภา-ลาออก

31 พ.ค. 2565 | 11:29 น.
อัปเดตล่าสุด :31 พ.ค. 2565 | 20:01 น.

"ชลน่าน" อภิปราย ไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2566 ชี้ เป็นงบสิ้นหวัง ไม่ตอบโจทย์ปัญหาและสถานการณ์ประเทศ จี้ “ประยุทธ์” ยุบสภา-ลาออก

 วันที่ 31 พ.ค. 65 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ว่า ขอบคุณที่ตั้งใจก้มหน้าก้มตาอ่านหลักการ ขณะนี้เป็นวาระที่หนึ่งในขั้นรับหลักการ ก่อนจะลงมติในวันที่ 2 มิ.ย. 2565 พรรคร่วมฝ่ายค้านให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นปีสุดท้ายก่อนที่รัฐบาลจะครบวาระในวันที่ 23 มี.ค. 2566 แต่เชื่อว่าอาจจะมีเหตุการณ์ให้หมดอายุเร็วกว่านั้น

 

ทั้งนี้ งบประมาณ 3.185 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลอ้างว่าจะไปพัฒนาประทศ แก้ไขตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ซึ่งงบประมาณมีความสำคัญมาก ที่ผ่านมาฝ่ายค้านเห็นชอบในขั้นรับหลักการ เพื่อไปพิจารณาต่อในวาระที่ 2 และ 3 แต่งบประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่เห็นความสำคัญปัญหาประเทศ ไม่เห็นหัวประชาชน และไม่ตอบโจทย์ ปีนี้จึงมีความสำคัญ

 

ซึ่งมติพรรคร่วมฝ่ายค้านจากการพิจารณาเอกสารทั้งหมด ประกอบกับสภาวะสถานการณ์ประเทศ มีข้อสรุปร่วมกันว่าไม่สามารถที่จะรับหลักการได้ เพราะคือการทำลายประเทศ สู้เสียโอกาสไปบ้างแล้วนำเม็ดเงินนี้ไปจัดสรรใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะดีกว่า
 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

 

ผู้นำฝ่ายค้านฯอภิปรายต่อไปว่า งบประมาณแผ่นดินเป็นเครื่องมือสำคัญ ประเทศไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ แต่อยู่ในภาวะวิกฤติ จากความผิดพลาดบกพร่องล้มเหลวของรัฐบาล ขาดการวางแผนให้ประเทศรอดพ้นจากวิกฤติ ตอนนี้ประเทศรายได้หด รายจ่ายแพง หนี้สินขยายตัวอย่างมากมาย

 

รัฐบาลกลับไม่ใช้โอกาสนี้แก้ปัญหาประเทศ และยังเป็นรัฐบาลหมดสภาพ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่ไม่สามารถบริหารจัดการอะไรได้ ขาดวิสัยทัศน์ ขาดนโยบายที่สำคัญ บริหารด้วยวาจา พยายามเหนี่ยวรั้งสืบทอดอำนาจทั้งที่ไร้ความรู้ความสามารถ นายกรัฐมนตรีไม่เคารพตัวเอง พยายามบอกตลอดว่าจะอยู่ในอำนาจไม่นาน จะคืนความสุขให้ประชาชน แต่ผ่านมา 8 ปีมีหรือไม่ สิ่งที่น่าเสียใจคือ พอมาจากยึดอำนาจก็พยามยามแปลงว่ามาจากประชาธิปไตย

 

ยิ่งขณะนี้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กระแสประชาธิปไตยส่งผลอย่างมาก กระแสเรียกร้องผู้นำที่เขาต้องการ การเปรียบเทียบภาวะผู้นำ การแสดงออก ยิ่งเห็นเด่นชัด

 

อีกทั้งนายกรัฐมนตรีหาเงินไม่ได้และใช้ไม่เป็น ซ้ำยังได้ฝากมรดกหนี้เอาไว้ด้วย หนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ลูกหลานประชาชนต้องตามมาชดใช้ รวมถึงยังมีหนี้ที่พร้อมจะเปิดเผยออกมาอีก และขาดความภาคภูมิใจในภาวะความเป็นผู้นำประเทศ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

 

การเปลี่ยนผู้นำจะพาประเทศพ้นวิกฤติ หากไม่รับหลักการงบประมาณ เชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีจิตสำนึกที่ไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ จะตัดสินใจยุบสภาหรือลาออก เพราะงบประมาณ 2566 มีแต่ทางตันทุกมิติ เป็นนโยบายแบบขาดดุล ซ่อนตัวเลข ไม่ตอบโจทย์ปัญหาสถานการณ์ประเทศ ไม่จัดลำดับความสำคัญ เป็นงบที่สิ้นหวัง ทำให้ประเทศขาดโอกาส ประชาชนขาดความหวัง

 

นอกจากนี้ยังพบงบส่อเอื้อประโยชน์ หรืองบส่อโกง อาทิ เม็ดเงิดเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน เสมือนงบประมาณถูกเรียกค่าไถ่ใช่หรือไม่ ต้องคิดถึงประชาชน อย่าคิดถึงแต่พวกพ้อง พร้อมย้ำว่าจะไม่รับหลักการ และหากมีโอกาสเข้าไปจัดงบประมาณจะเจองบฉบับเพื่อไทย ที่จะพาออกจากวิกฤติ รับรองว่าแตกต่างจากรัฐบาลนี้อย่างชัดเจน พร้อมมั่นใจว่ารัฐบาลต่อไปต้องมีพรรคเพื่อไทย


  “เราไม่อาจจะรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ที่จัดโดย นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราไม่เห็นชอบ และไม่ต้องไปแก้ไขในชั้นกรรมาธิการ แต่ต้องการให้ตกไปเลย เพราะการแก้ไขในชั้นกรรมาธิการแก้วิกฤติไม่ได้ รัฐบาลที่หมดสภาพ มีแต่ทางตัน

 

เราจึงรับงบประมาณฉบับนี้ไม่ได้ ให้มันตกไปพร้อมกับรัฐบาล เราจะได้เปลี่ยนรัฐบาลกันใหม่ พี่น้องจะได้มีความสุข ขอให้ช่วยกันลงมติไม่รับร่าง เพราะสร้างโอกาส อนาคต ความหวัง” นพ.ชลน่าน กล่าว