“สกลธี”ห่วงความปลอดภัยคนเมือง หลังเข้าชุมชนไร้ไฟส่องสว่าง 

11 พ.ค. 2565 | 12:19 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ค. 2565 | 19:23 น.

“สกลธี”ลงพื้นที่ในย่านชุมชนบางกระบือ พบจุดเปลี่ยว ไฟส่องสว่างน้อย ชี้ต้องแก้ด่วนเพื่อความปลอดภัยชุมชน ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.จะประสาน กฟน. เพิ่มแสงสว่าง ติดวงจรปิด ทุกพื้นที่เสี่ยง

วันที่ 11 พ.ค.2565 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 3 กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ ที่ตลาดบางกระบือ ชุมชนวัดจันทร์ฯ และชุมชนบางกระบือ 14 ย่านบางกระบือ ว่า จากที่ลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชนบริเวณนี้ สิ่งที่เห็นว่ายังคงเป็นปัญหามากที่สุดคือ เรื่องของความปลอดภัย เพราะหลายจุดยังเป็นจุดที่สุ่มเสี่ยงต่ออันตราย ไม่มีความปลอดภัยเรื่องไฟส่องสว่าง  ถนน ตรอก ซอก ซอย ที่เป็นสายหลักในการสัญจรของประชาชนยังมีไฟส่องสว่างไม่เพียงพอ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ กทม.จะต้องเร่งประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวงให้มาเร่งดำเนินการเพิ่มไฟให้มากขึ้น 
 

นายสกลธี กล่าวว่า ตามนโยบาย “สกลธีโมเดล” ของตนได้ย้ำเสมอเรื่องของความปลอดภัยของคนเมือง ซึ่งจากที่ลงหลายๆ พื้นที่แม้แต่กลางย่านธุรกิจเองก็มีจุดสุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องเดินทางคนเดียว 
และย่านบางกระบือ ตนลงมาวันนี้ก็เช่นกัน 
 

ดังนั้น หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะต้องเร่งดำเนินการทั้งหมด ทั้งการประสานการไฟฟ้านครหลวงมาเพิ่มแสงสว่าง รวมทั้งชูนโยบายเสาไฟอัจฉริยะ ที่จะเป็นทั้งไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด จุดเชื่อมต่อไวไฟ และตัววัดค่าฝุ่น PM 2.5 อีกด้วย เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่าจะสามารถเดินทางและใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ​ ได้อย่างปลอดภัย

 

 

 

“จุดนี้หลักๆ แล้วเป็นเรื่องของความปลอดภัย เพราะที่เดินมานี่เห็นได้เลยว่า หลายจุดไม่มีหลอดไฟให้แสงสว่างเลย และจากที่รับฟังปัญหาของประชาชนก็อยากให้เข้ามาแก้ไขเรื่องนี้ เพราะบริเวณนี้เป็นชุมชนที่ประชาชนทุกวัยจะต้องใช้สัญจรไปมา และเป็นชุมชนใหญ่”
 

“ใน “สกลธีโมเดล” นโยบายเรื่องความปลอดภัยของคนกรุงเทพฯ​ ก็เป็นเรื่องหลักอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่แค่จุดใดจุดหนึ่ง แต่ทุกพื้นที่ของ กทม.จะต้องมีความปลอดภัย ซึ่งสมาร์ต โพล หรือเสาไฟฟ้าอัจฉริยะตามนโยบายของผม จะเป็นทั้งไฟส่องสว่าง กล้องซีซีทีวี เชื่อมต่อไวไฟได้ แล้วก็มีตัววัดค่าฝุ่นด้วย เป็นไปตามความตั้งใจของผมที่จะทำให้กรุงเทพฯ ดีกว่านี้เพื่อทุกคนครับ ” นายสกลธี กล่าว
 

นายสกลธี ยังกล่าวถึงกระแสตอบรับหลังการหาเสียงในรูปแบบต่างๆ ว่า ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียง 2 สัปดาห์ที่ในการหาเสียง ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เดินหน้าอย่างเต็มที่ที่จะนำเสนอนโยบายต่างๆ ของ “สกลธีโมเดล” ที่ตั้งใจจะทำกรุงเทพฯ​ ให้เป็นเมืองที่ดีกว่านี้และตอบโจทย์สำหรับทุกคน​ 
 

ที่ผ่านมามีกระแสตอบรับที่ดีมาก ซึ่งได้รับฟังเสียงสะท้อนจากทุกฝ่ายก็ทราบว่า ทั้งโพลหรือกระแสทางสื่อ เป็นไปในทิศทางที่ดี ทำให้รู้สึกดีใจมาก เพราะสองเดือนที่ผ่านมาตนลงพื้นที่อย่างหนัก  และพยายามหาแนวทางที่จะสื่อสารไปยังคนกรุงเทพฯ ให้เข้าใจและรับทราบนโยบายให้มากที่สุด 
 

นายสกลธี กล่าวว่า ตนคิดว่าสิ่งที่ทำให้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นั้นนอกจากลงพื้นที่แนะนำตัว และสื่อสารไปตามสื่อช่องทางต่างๆ แล้ว การที่ตนได้ไปร่วมเวทีดีเบตที่มีมากในช่วงนี้ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนเข้าใจและรู้จักตัวตนที่แท้จริงของ “สกลธี” มากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นจุดเด่นของตน โดยเฉพาะแนวคิดที่แตกต่าง ฉีกออกไปจากผู้สมัครฯ คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาเงินเพิ่มให้กับ กทม. หรือการกระจายงบประมาณไปยังทุกเขตของ กทม. เป็นต้น
 

“ผมคิดว่าจุดเด่นของผมอยู่ที่ความคิดหรือนโยบายของผม ที่จะค่อนข้างฉีกออกไปจากผู้สมัครฯ คนอื่น เพราะไม่มีใครเขาพูดถึงเรื่องการหาเงินเพิ่ม หรือการแบ่ง การจัดสรรเงินของกรุงเทพฯ คิดว่าตรงนี้เป็นส่วนสำคัญ และหลังๆ ผมคิดว่าเราสื่อสารเข้าถึงคนกรุงเทพฯ มากขึ้นทั้งโซเชียลมีเดีย ทั้งการลงพื้นที่ และอยากจะขอเรียนเชิญพี่น้องคนกรุงเทพฯ มาฟังปราศรัยของผมครั้งแรก ในวันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม นี้ซึ่งหลักๆ เลยก็จะมีตัวผมและเปิดตัวทีมงานในด้านต่างๆ ของผม รับรองว่ามีเซอร์ไพรส์แน่นอนครับ” นายสกลธี กล่าว

 

“สกลธี”ห่วงความปลอดภัยคนเมือง หลังเข้าชุมชนไร้ไฟส่องสว่าง