"ทายาทไอน์สไตน์" โผล่ให้กำลังใจ "จิ๊บ ศศิกานต์" ชิงเลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ 

04 เม.ย. 2565 | 16:51 น.
อัปเดตล่าสุด :04 เม.ย. 2565 | 23:58 น.
1.2 k

"ทายาทไอน์สไตน์" โผล่ให้กำลังใจ "จิ๊บ ศศิกานต์" ขณะหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ จับมือ "นายห้างวินท์" เปิดนโยบาย “กรุงเทพเมือง ปลอดภัย”ชู แก้ปัญหา 3 ระยะ ให้ความสำคัญเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ LGBTQ ผู้ด้อยโอกาส 

วันที่ 4 เมษายน 2565 เมื่อเวลา 13.30 น. น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่า กทม. เบอร์ 16 พร้อมด้วย นายวินท์ สุธีรชัย หัวหน้ากลุ่มใส่ใจ แถลงข่าวเปิดตัวนโยบายเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ณ บริษัท เดอะ แพลตฟอร์ม จำกัด ภายใต้นโยบายเมืองปลอดภัย ใต้แนวคิด"กรุงเทพฯ"ต้องปลอดภัยสำหรับทุกคน" 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายในงานแถลงข่าวได้มี นายมาร์ค ไอน์สไตน์ เชื้อสายทายาทไอน์สไตน์ มาร่วมให้กำลัง โดยระบุว่า อยากให้คนไทยมีความสุข

 

โดย น.ส.ศศิกานต์ กล่าวว่า ตนกับมาร์ค ไอน์สไตน์ เป็นเพื่อนกันมา 20 ปีแล้ว เราเห็นปัญหาร่วมกันมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา เรื่องเด็ก กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่ม LGBTQ ซึ่งถือเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของ กทม.แต่กลุ่มคนเหล่านี้ยังไม่มีใครที่จะมาเป็นผู้แทน เป็นปากเป็นเสียง และช่วยแก้ปัญหาให้กับพวกเขาอย่างแท้จริง 

\"ทายาทไอน์สไตน์\" โผล่ให้กำลังใจ \"จิ๊บ ศศิกานต์\" ชิงเลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ 

สำหรับนโยบาย เมืองปลอดภัย ใต้แนวคิด"กรุงเทพฯ"ต้องปลอดภัยสำหรับทุกคน"  น.ส.ศศิกานต์ ระบุว่า กำหนดแผนการทำงานออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และเน้นให้ความสำคัญกับเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ LGBTQ และผู้ด้อยโอกาส

 

ซึ่งก่อนการแถลงเปิดนโยบาย “จิ๊บ ศศิกานต์”กล่าวว่า พื้นเพเดิมของตนเองเป็นคนจังหวัดตรัง แต่อยู่กรุงเทพฯมาตั้งแต่อายุ 15 ปี จึงรับรู้ปัญหาของกรุงเทพฯ มาตลอด

 

มีประสบการณ์ตรงถึงความลำบากของคนกรุงเทพฯ ทั้งการเดินตกท่อ ตกรถเมล์ นั่งรถเมล์ตั้งแต่ต้นสายถึงปลายสายจึงรู้ถึงความลำบากของคนที่ต้องนั่งรถเมล์เป็นเวลานาน ขณะนี้จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะช่วยกรุงเทพฯ เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

 

น.ส.ศศิกานต์ กล่าวต่อว่า แม้จะเป็นผู้สมัครใหม่ในวงการเมือง แต่มองว่าเป็นข้อได้เปรียบ เพราะตำแหน่งผู้ว่าราชการไม่ใช่ตำแหน่งที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เนื่องจากมีหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบในการดูแลส่วนต่างๆ อยู่แล้ว เช่น ถนน เสาไฟฟ้า สายสื่อสาร  การทำงานของกรุงเทพฯ จึงต้องอาศัยการประสานงาน

 

ซึ่งเราสามารถทำงานได้กับทุกพรรคการเมือง ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ที่มีนโยบายที่ดีเพื่อประชาชนและเป็นคนดี จึงมองว่าหากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมาจากสังกัดพรรคใดพรรคหนึ่งก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ 

 

สำหรับการทำงานของกลุ่มใส่ใจ  ยึดหลักภายใต้หลักการ 3 อย่าง คือ อำนาจต้องมาจากประชาชน,ไม่ยอมรับการคอรัปชั่นทุกรูปแบบ และ 3.การบริหารงานอย่างมืออาชีพตามหลักสากล

\"ทายาทไอน์สไตน์\" โผล่ให้กำลังใจ \"จิ๊บ ศศิกานต์\" ชิงเลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ 

 "สำหรับนโยบายผู้ว่า กทม.ของกลุ่มใส่ใจ แบ่งออกเป็น 3 ด้าน ประกอบด้วย ความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และสุขภาพ,ความปลอดภัยในด้านคุณภาพชีวิตของผู้คน และการขยายอนาคตทางการศึกษาให้เด็กและเยาวชน จิ๊บมองว่า กทม.บอบช้ำมากพอแล้ว ถึงแล้วที่จะต้องมาใส่ใจ กทม .จิ๊บจึงขอโอกาสในการทำงานกับคน กทม.และสัญญาจะดูแลทุกเรื่องด้วยความใส่ใจ”น.ส.ศศิกานต์

 

น.ส.ศศิกานต์ กล่าวต่อว่า บุคคลเหล่านั้นต้องยึดหลัก ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ใครที่ไม่หวังดีกับ กทม.ขออนุญาตไม่ร่วมงานด้วน เราต้องทำงานเพื่อคน กทม.อย่างแท้จริง เราไม่มีชนักติดหลัง หรือเงาสีทางการเมือง เป็นเพียงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความพร้อมที่จะทำงานกับคนทุกกลุ่ม ทุกพรรคที่ทำงานให้กับประเทศไทย

 

ด้าน นายวินท์ สุธีรชัย ได้กล่าวถึงหลักนโยบายด้านบริหารของกลุ่มของกลุ่มใส่ใจว่าส่วนหนึ่งต้องยึดหลักทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นโยบายสุขภาพ ใส่ใจปอด ลดปัญหาฝุ่น P.M.2.5 วางแผนเปลี่ยนระบบขนส่งใน กทม.เป็นพลังงานสะอาด

 

ประกอบด้วยแผนเริ่มตั้งแต่ 2 ปี 5 ปี และ 10 ปี ผู้สมัครผู้ว่า กทม.ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนของพรรคใหญ่ และเป็นชายวัยกลางคน โดยสถิติชายวัยกลางคนเป็นจำนวนที่น้อยนิดใน กทม.คนส่วนใหญ่ในกทม.เกือบ 60 % จะเป็นผู้หญิง จึงเสนอ คุณจิ๊บ ที่เป็นผู้รู้จริง จะเป็นตัวแทนกลุ่มคนที่เยอะสุดในกทม.แต่เป็นเสียงที่น้อยที่สุด 

 

เมื่อถามว่า การส่งจิ๊บ ศศิกานต์ ลงผู้ว่า กทม.ลงมาเพื่อตัดคะแนนนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร หรือไม่ นายวินท์กล่าวยืนยันว่า การลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งนี้ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล จะอยู่ฝั่งไหนเราก็สามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่งตอนที่ตัวเองยังดำรงตำแหน่งส.ส.ก็ไม่เคยไปทะเลาะเรื่องการเมืองกับใคร มีแต่ข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องประชาชน

 

แม้กระทั่งตอนลาออกมาก็ไม่ได้มีการไปทะเลาะกับใครทั้งนั้น ดังนั้นการสนับสนุน คุณจิ๊บในครั้งนี้จึงต้องการทำเพื่อแก้ปัญหาให้กับกรุงเทพฯอย่างแท้จริง