กมธ.ดีอีเอส แจงปมปชช.ถูกดูดเงินจากบัญชีธนาคาร เหตุร้านค้าไม่แสดงตัวตน

29 ต.ค. 2564 | 10:37 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ต.ค. 2564 | 17:46 น.

กมธ.ดีอีเอส เชิญ3หน่วยงาน แจงปมประชาชน ถูกดูดเงินจากบัญชี พบสาเหตุ ร้านค้าไม่แสดงตัวตน แนะ หน่วยงานบูรณาการแก้ปัญหา หวังลด ปชช. ไม่ตกเป็นเหยื่อทางเทคโนโลยีอีก

วันที่ 29 ต.ค.2564 น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(กมธ.ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การประชุม กมธ. สัปดาห์นี้ มีวาระพิจารณาเรื่อง กรณีที่ประชาชนร้องเรียนว่าถูกหักเงินจากบัญชีธนาคาร , บัญชีบัตรเครดิต หรือบัญชีบัตรเดบิต อย่างผิดปกติเป็นจำนวนมาก โดยมีตัวแทนจาก 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สมาคมธนาคารไทย, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) รวมถึงตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ เข้าให้รายละเอียดรวมกว่า 40 คน ผ่านระบบ zoom ทั้งนี้ในปัญหาที่เกิดขึ้นตัวแทนธนาคารและสมาคมธนาคารไทย ยืนยันว่าไม่ใช่เกิดจากความล้าหลังของระบบธนาคาร แต่เป็นกรณีที่ประชาชนผูกบัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต กับร้านค้า หรือสินค้าที่ไม่แสดงตัวตน ไม่มีระบบยืนยันเพื่อตรวจสอบ หรือ ระบบ OTP (One Time Password) ซึ่งเป็นรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางอินเตอร์เน็ต

น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นธปท. ยืนยันว่าได้ให้การเยียวยาประชาชนที่ถูกดูดเงินจากบัตรเดบิตครบถ้วนแล้ว ส่วนประชาชนที่ถูกหักเงินจากบัตรเครดิต นั้นเมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นปัญหาไม่ต้องชำระเงินที่ถูกหัก และจะไม่เสียเครดิตด้วย ทั้งนี้กมธ.ฯ ฝากไปยังหน่วยงานที่ชี้แจงให้หามาตรการลดผลกระทบกับประชาชน โดยกมธ. ไม่ต้องการให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพิ่มเติม เบื้องต้นทางธปท. ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) , กระทรวงดีอีเอส, กสทช. เพื่อบูรณาการการทำงาน ยกระดับความปลอดภัยให้กับประชาชนและพัฒนาระบบแจ้งเตือนเมื่อมีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นกับบัญชีของประชาชน

“สิ่งสำคัญที่กมธ.ต้องดำเนินการต่อ คือ การสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้กับประชาชน ต่อการรู้เท่าทันการใช้เทคโนโลยี เพราะการใช้ชีวิตวิถีใหม่ จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี แต่ประชาชนส่วนหนึ่งยังรู้ไม่เท่าทันกับคนที่ไม่หวังดี ดังนั้นสิ่งที่จะลดผลกระทบได้ดี คือ การให้องค์ความรู้ เพื่อสร้างเกราะให้ประชาชน เบื้องต้นกมธ.ฯ คิดว่าจะจัดเวทีเพื่อให้องค์ความรู้กับประชาชน ขณะเดียวกันหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการเช่นเดียวกัน”น.ส.กัลยา กล่าว

 

ประธานกมธ. ดีอีเอส สภาฯ กล่าวด้วยว่าสำหรับช่องทางทางกฎหมายที่สามารถคุ้มครองประชาชน ได้ คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ที่มีมาตรการคุ้มครองประชาชนและลงโทษผู้กระทำผิด แต่ขณะนี้ยังเลื่อนการบังคับใช้ เบื้องต้นคาดว่าจะนำมาใช้บังคับได้กลางปี2565 ซึ่งตนเชื่อว่าเมื่อกฎหมายดังกล่าวใช้บังคับจะช่วยดูแลประชาชน โดยเฉพาะการลงโทษที่ผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย