"มานะ"ชี้พิรุธรถไฟทางคู่ ไม่เชื่อแล้วว่าเป็นรัฐบาลปราบโกง

06 ก.ค. 2564 | 15:01 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ค. 2564 | 22:15 น.

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ออกแถลงการณ์เรียกร้องนายกฯ สั่งทบทวนประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือ – อีสาน ชี้สังคมแคลงใจ หวั่นเป็นบรรทัดฐานในอนาคตของ “การคอร์รัปชันที่ถูกต้องตามขั้นตอน” ลั่นหมดความเชื่อมั่นว่าเป็นรัฐบาล "ปราบโกง"

วันที่ 6 ก.ค.2564 ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์พิเศษคุณสุทธิรักษ์ อุฒมนตรี บรรณาธิการรายการสืบสวนความจริง กรณีองค์การต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ออกแถลงการณ์ เรื่อง "ความจริงใจในการทบทวนการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสาน" 

 

ดร.มานะ พุูดถึงแถลงการณ์ว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ขอบคุณนายกรัฐมนตรี ในการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน 3 กรณีสำคัญในเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา คือ 
1.ทบทวนการแก้ไข พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ 
2.แสดงจุดยืนคัดค้าน การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และ มาตรา 185 และ
3.การมีมติ ครม. กำหนดทุกหน่วยงานรัฐต้องใช้ “ข้อตกลงคุณธรรม” ในการจัดซื้อจัดจ้างตามกฎหมายทุกประเภท  

แต่ในขณะนี้ สังคมยังแคลงใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสานรวม 5 สัญญา ที่เกิดข้อครหาว่า มีการล็อคสเปก ฮั้วประมูลและเอื้อประโยชน์ให้คนบางกลุ่ม โดยตั้งข้อสังเกตแว่า ก่อนการประมูลครั้งนี้ได้มียกเลิกมาตรการป้องกันคอร์รัปชันที่ ครม. เคยมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (ซูเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง) เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 ซึ่งวางกรอบแนวทางส่งเสริมให้มีการแข่งขันราคาอย่างเสรีไว้ชัดเจนดีแล้ว ส่งผลให้ทีโออาร์และกติกาการประมูลครั้งนี้เปลี่ยนแปลงไปหลายประการ และนำไปสู่ข้อครหาที่น่าอัปยศอดสูดังกล่าว 

การยกเลิกมาตรการป้องกันคอร์รัปชัน ในการจัดซื้อจัดจ้างฯ และพฤติกรรมที่ปรากฏในการประมูลครั้งนี้ จะกลายเป็นบรรทัดฐานในอนาคตของ “การคอร์รัปชันที่ถูกต้องตามขั้นตอน” ที่ส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยและนานาชาติ ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่รัฐบาลประกาศเจตนารมณ์ไว้ทั้งวาระแห่งชาติในการต่อต้านคอร์รัปชัน ยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ ทั้งหมดนี้ย่อมเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่จะส่งผลต่อการประเมินดัชนีคอร์รัปชันโลก (CPI) 

ที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ การเสื่อมศรัทธาต่อคณะรัฐบาลที่เคยวางตัวเป็นความคาดหวังของสังคม 

ดร.มานะ อ้างในแถลงการณ์ว่า ไม่มีความเลวร้ายใดจะส่งผลถึงการคดโกงชาติเท่ากับการปล่อยให้มีระบบอุปถัมภ์ การให้โอกาสพวกพ้องอย่างไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะตกถึงคนส่วนใหญ่ของชาติ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จึงใคร่เรียนขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่มีหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบการใช้อำนาจบริหาร ได้โปรดพิจารณาสั่งการให้มีการทบทวนการประมูลดังกล่าวอย่างละเอียดรอบคอบและสมเหตุสมผลด้วยความจริงใจจริงจัง  พร้อมนำมาตรการป้องกันคอร์รัปชันที่เหมาะสมชัดเจนมาใช้ เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินอย่างมีจุดยืนที่มั่นคงด้วยศักดิ์ศรีของผู้นำที่ยึดมั่นในความสุจริตเป็นกลางอย่างที่สุด ก่อนที่สังคมจะเปลี่ยนจากวิกฤติศรัทธาเป็นการเคลื่อนไหวที่ประชาชนต้องลุกมาดูแลผลประโยชน์ของชาติด้วยตนเอง  

 

ดร.มานะ ระบุว่า แม้ไม่มีประจักษ์พยาน หรือหลักฐานการฮั้ว เพราะเป็นการยากที่คนทั่วไปจะหาได้ แต่พฤติกรรมมันฟ้องเจนารมณ์ เพราะถ้าผลประมูลออกมาแบบนี้สันนิษฐานได้เลยว่าต้องไม่ปกติ เพราะมีการยกเลิกกติกาก่อนประมูล จะทำให้พฤติกรรมนี้เป็นบรรทัดฐานการประมูลงานภาครัฐ คืออะไรที่เป็นอุปสรรคการประมูลก็ยกเลิกแบบง่ายๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก

 

ในตอนท้าย ดร.มานะ ตอบคำถามว่า เชื่อมั่นในรัฐบาลปราบโกงอยู่อีกหรือไม่ ตำตอบจากดร.มานะ คือ ไม่เชื่อมั่นแล้ว