“แรมโบ้”ฉะ“หญิงหน่อย”อย่าทำตัวให้เอือมระอากับนักการเมือง

28 มิ.ย. 2564 | 17:54 น.

“แรมโบ้” ฉะ “หญิงหน่อย”อย่าให้เขาต้องเอือมระอากับนักการเมืองที่จ้องจะสร้างภาพ มองไม่เห็นความตั้งใจดีที่นายกฯแก้โควิด เยียวยา เดินหน้าเศรษฐกิจจากการเปิด“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์”

นายเสกสกล  อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาตอบโต้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ที่นำลูกทีมออกมาแสดงความห่วงใยมาตรการ “ล็อกดาวน์” และบอกรัฐบาลบริหารงานแบบตามยถากรรม โยนภาระให้ประชาชน 

โดยนายเสกสกล กล่าวว่า ก่อนอื่นอยากให้คุณหญิงสุดารัตน์ ทำความเข้าใจถึงคำสั่งดังกล่าวก่อนว่า ไม่ใช่การ “ล็อกดาวน์”  ซึ่งตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และที่ ศบค.ได้ประกาศข้อกำหนด ฉบับที่ 25 ที่เผยแพร่ผ่านเว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษานั้น เป็นการใช้มาตรการเร่งด่วนเพื่อควบคุมการระบาดไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่เป้าหมายเฉพาะ 10 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็นการสกัดกั้นไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน สถานประกอบการ ที่พบว่ามีการแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อน รวมถึงการขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงนี้ เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อเป็นการยับยั้งการระบาดของเชื้อโควิด-19
มาตรการดังกล่าวที่ออกมานั้นเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะแพทย์ได้คิดร่วมกันดีแล้ว โดยคำนึงถึงผลดี ผลเสียที่จะเกิดขึ้น โดยเลือกที่จะคุมเข้มในบางจุดที่จะเป็นสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ไม่ควบคุมทั้งหมด เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไปทั้งหมด และการกำหนดควบคุมเฉพาะจุด ก็เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายเรียกร้อง เพราะไม่เช่นนั้นก็คงต้องเผชิญการการแพร่ระบาดต่อไป ไม่มีวันจบสิ้น ขณะที่หมอ พยาบาลก็อ่อนล้าเต็มที 
 

“ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยทุกคน การที่จะมีคำสั่งใดๆ ออกไปนั่นหมายความว่าคิดดีแล้ว โดยภายหลังจากมีประกาศคำสั่งออกไป ก็ได้มีมาตรการรองรับในการที่จะเยียวยาประชาชนโดยเฉพาะแรงงานต่างๆ ที่อยู่ในแคมป์ที่ได้รับผลกระทบ โดยทางกระทรวงแรงงานจะชดเชยรายได้ให้ร้อยละ 50 ของรายได้ที่แรงงานได้รับอยู่ และยังดูแลเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกินต่างๆ ภายในระยะเวลา 1 เดือนที่ปิดแคมป์”

ส่วนที่ คุณหญิงสุดารัตน์ และ ลูกทีม บอกว่านายกฯ บริหารตามยถากรรม จนทำให้สถานการณ์วิกฤติเตียงไม่พอ ทำให้รับผู้ป่วยมารักษาไม่ทันท่วงทีนั้น ยิ่งส่งผลให้มีผู้ป่วยหนัก และตายมากขึ้นนั้น นายกฯ และทีมแพทย์ทราบดีถึงเหตุการณ์เตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ ซึ่งสาเหตุก็มาจากการระบาดที่มีจำนวนมากขึ้นนั่นเอง จึงได้ตัดสินใจควบคุมจุดที่มีการระบาดมากอย่างแคมป์คนงาน และที่ผ่านมาก็พยายามเสริมเตียงในโรงพยาบาลสนามหลายแห่ง เจรจาขอเตียงจากโรงพยาบาลเอกชนมาเสริม หรือการใช้พื้นที่ของทหารมาทำเป็นโรงพยาบาลชั่วคราว สิ่งเหล่านี้มีการดำเนินการมาแล้ว

 

“ที่คุณหญิงสุดารัตน์ บอกนายกฯ บริหารแบบตามยถากรรม” การล็อกดาวน์ โดยล็อกคน ปิดการทำมาหากินเพียงอย่างเดียว โดยไม่ล็อกโรค จะไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ในเร็ววัน คนจะตายเพราะโรคและพิษเศรษฐกิจอีกมากมายนั้น ไม่แน่ใจว่า คุณหญิงสุดารัตน์ ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ ที่ขณะนี้ประเทศไทยกำลังจะเปิด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ในวันที่ 1 ก.ค.นี้แล้ว โดยนายกฯ จะเดินทางไปเป็นประธานในการเปิดด้วยตัวเอง นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่า นายกฯ คิดรอบด้าน ทั้งการควบคุมเชื้อโควิด และการต้องเดินหน้าทางด้านเศรษฐกิจ 

แต่ก็เข้าใจว่า ไม่ว่านายกฯ หรือรัฐบาลจะทำอย่างไร ฝ่ายค้านหรือคุณหญิงสุดารัตน์ ก็คงไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ใช่วิสัยของฝ่ายค้าน แต่อยากจะขอว่าแม้ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ก็ขออย่าทำใจให้มืดบอด มองอะไรไม่ดีไปหมด เพราะประชาชนมองอยู่ อย่าให้เขาต้องเอือมระอากับนักการเมืองที่จ้องจะสร้างภาพ เอาแต่หาเสียงกับประชาชนอย่างเดียว ไม่นึกถึงประเทศชาติ ส่วนรวมเลย”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :