หลังปรากฏชื่อ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ได้เป็น 1 ใน 72 คณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ในโค้วต้าของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นอกจากที่เรืองไกร อ้างพลาดเก้าอี้กมธ.งบฯปี 2564 เหตุจัดสรรรายชื่อไม่ลงตัว
หากย้อนดูเหตุการณ์เมื่อต้นเดือนมกราคม ปีที่แล้ว จะได้คำตอบถึงบทบาทที่เปลี่ยนไปของเรืองไกร ทำไมย้ายค่ายจากเพื่อไทย มาซบพลังประชารัฐ
เรื่องราวของคู่รักคู่แค้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2563 ขณะนั้นนายเรืองไกร ไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในระหว่างการแถลงข่าว ของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เรื่องงบเรือดำน้ำ นายยุทธพงศ์สวมใส่นาฬิกาหรู ทั้งที่นายยุทธพงศ์ ไม่ได้ยื่นบัญชีนาฬิกาแสดงบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินที่นายยุทธพงศ์ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อคราวรับตำแหน่ง ส.ส.มหาสารคามเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2562
“นาฬิกาดังกล่าวได้มาเมื่อใด อย่างไร โดยวิธีใด หากได้มาก่อนเป็น ส.ส. มีการยื่นไว้โดยครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ หากได้มาหลังเป็น ส.ส. นาฬิกาดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นนาฬิกายี่ห้ออะไร รุ่นใด ราคาเท่าไร ซื้อหามาเองหรือไม่ ซื้อจากที่ใด มีใบเสร็จหรือไม่ จ่ายเงินจากบัญชีใด และการได้มาชอบตาม พรป.ป.ป.ช. หรือไม่”นายเรืองไกรกล่าว
ต่อมาวันที่ 19 ม.ค.2564 นายยุทธพงศ์ แถลงข่าวตอบโต้ที่พรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า นาฬิกาที่ใส่ไม่ใช่นาฬิกาหรู แต่เป็นนาฬิกาที่ใช้งานทั่วไป สำหรับการปฎิบัตภารกิจประจำวัน คือ เป็นนาฬิกา ยี่ห้อ IWC ใช้งานมาแล้ว ประมาณ 15 ปี ราคาปัจจุบัน ประมาณ 10,000 บาท ซึ่งก็เหมาะสมตามสถานะ และตามกฎหมาย ป.ป.ช. ถ้าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าไม่เกิน 200,000 บาท ก็ไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ต่อ ป.ป.ช.
“วันนี้หากถามมูลค่า ไม่รู้ว่าจะถึง 1หมื่นบาทหรือไม่ สายก็ขึ้นรา เป็นฝ่ายค้าน ยังไม่มีเวลาไปเปลี่ยนสายนาฬิกาเลย เป็นฝ่ายค้านลำบาก ไม่ใช่นาฬิกาหรู ตอนนี้ลำบาก” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า
“ผมกับนายเรืองไกร รู้จักกัน ก่อนหน้าเคยทำงานร่วมกันมาก่อน ไม่ทราบว่า เป็นเพราะสาเหตุใด นายเรืองไกร จ้องมาตรวจสอบ”
ในระหว่างที่นายยุทธพงศ์ แถลงข่าว นายเรืองไกร ซึ่งยืนฟังการแถลงข่าวขอร่วมแถลงด้วย อ้างข้อมูลคลาดเคลื่อน แต่ถูกนายยุทธพงศ์ เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค หลังเปิดให้นักข่าวบันทึกภาพนาฬิกาเจ้าปัญหาแล้วเสร็จ นายยุทธพงศ์ ระบุว่า ไม่รู้ไปขายตอนนี้ จะได้ถึงหมื่นหรือเปล่า นายเรืองไกร ได้เดินเข้ามาพร้อมกับบอกว่า “ไหน โจ้ ขอดูหน่อย หมื่นนึง ขายไหม” นายเรืองไกรพูดพร้อมกับ เปิดกระเป๋าเงิน นำแบงก์พันหลายใบออกมา พร้อมกับจะยื่นให้ แต่นายยุทธพงศ์ ไม่ได้พูดอะไร พร้อมกับเดินออกไป
วันที่ 24 ก.ค.63 นายเรืองไกร ไปยื่นหนังสื่อถึง ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ นาย แถมพ่วงยื่นตรวจสอบทรัพย์สินนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บุตรชายนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกคน