"เพื่อไทย"ชำแหละ“งบ 65”ผิด 5 ด้าน จี้นายกฯปรับให้ตอบโจทย์ประชาชน

28 พ.ค. 2564 | 15:44 น.

"เพื่อไทย"ชำแหละ “งบ 65” ผิด 5 ด้าน “ผิดกฎ-ผิดจำนวน-ตัดงบในส่วนที่ไม่ควรตัด-ผิดเวลา-ผิดที่คนใช้งบประมาณ”  จี้“นายกฯ”ปรับงบให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน หรือไม่ก็ลาออกไป

วันนี้(28 พ.ค.64) พรรคเพื่อไทย จัดเสวนา "งบ 65 ผิดทิศผิดทาง ผิดที่ผิดเวลา" มีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายไชยา พรหมา รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนสมาชิกพรรคเพื่อไทย

นายพิชัย กล่าวตอนหนึ่งว่า ถ้าจะพูดถึงงบประมาณก็ต้องพูดถึงเงินกู้ 5 แสนล้านบาท ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกู้เพิ่ม เพราะเป็นการใช้เงินนอกงบประมาณจำนวนมาก ทั้งนี้แต่แรก ครม.ได้เห็นขอบ พ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้านบาท ที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง ทั้งที่ รมว.คลัง เพิ่งยืนยันว่าไม่ต้องกู้เพราะมีเงินพอถึง 3.8 แสนล้านบาท แต่ก็ขอกู้เพิ่มจนได้และมากด้วย แต่พอถูกสังคมตำหนิอย่างรุนแรง และมีคนทักท้วงกันอย่างมาก รวมถึงตัวผมเองด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จึงลดลงมาเหลือ 5 แสนล้านบาท ยิ่งตอกย้ำการดำเนินการที่ไม่มีแบบแผน ถูกด่าจึงคิดแก้ไข บริหารด้วยการถูกด่า ทำให้สงสัยว่ามีการเตรียมการใช้เงินกู้อย่างไรถึงลดได้ทันที

แต่ถึงแม้จะลดการกู้ลง แต่หนี้สาธารณะก็คงจะยังพุ่งสูง และจะเป็นปัญหาสำหรับประเทศในอนาคต ดังนั้น การวิเคราะห์วิจารณ์งบ 2565 จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์วิจารณ์ พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้าน ควบคู่กันไปด้วย
 

โดยการใช้เงินทั้ง 2 จำนวนดังกล่าว จะสะท้อนถึง 5 ปัญหา คือ

1.ความล้มเหลวในการจัดเก็บรายได้ที่น้อยลง และไม่สามารถเพิ่มงบประมาณให้กับประเทศได้โดยไม่ต้องไปกู้

2.เสื่อมถอย เพราะรัฐบาลไม่มีการคิดหารายได้เข้าประเทศ 

3.การมีหนี้ล้น ที่คาดว่าจะทะลุเกิน 60% ของ GDP นอกจากนี้ยังมีหนี้ของประชาชนและหนี้เสียของธนาคาร และกังวลว่ารัฐบาลถัดไปจะมีปัญหาเพราะไม่มีเงินใช้แล้ว

4.ไร้ประสิทธิภาพในการใช้เงิน ใช้เงินเยอะแต่ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้ 

5.ไม่สามารถแยกแยะความสำคัญของโครงการสำคัญต่างๆ ได้ ตัดงบในส่วนที่ไม่ควรตัด

ดังนั้น จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี ได้กลับไปคิดว่า ที่ตนพูดถูกหรือผิด ถ้าไม่ปรับตัวเองให้ทันโลก ก็จะไม่สามารถบริหารประเทศนี้ได้ ถ้ายังทำเหมือนทุกวันนี้ประเทศมีแต่จะเจ๊ง

ด้านนายไชยา ระบุว่า ปัญหาหลักในปัจจุบัน คือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมา ดังนั้น ตราบใดที่รัฐบาลไม่สามารถที่จะหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ปัญหาต่างๆ ก็จะหยุดไม่ได้ ไม่ว่าจะอัดเงินเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ นั้นหมายความว่าเศรษฐกิจก็ไม่โต การกู้เงิน พ.ร.ก. 5 แสนล้านบาทนั้น มี 30,000 ล้านบาท ที่จะนำมาช่วยกระทรวงสาธารณสุข

"จึงมองว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ใน พ.ร.ก.เงินกู้ แต่ควรจะอยู่ใน พ.ร.บ.งบประมาณ เพื่อตรวจสอบได้ว่าเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง นี่คือสิ่งที่รัฐบาลไม่จัดลำดับความสำคัญของปัญหา ดังนั้น งบปี 2565 ที่บอกว่าผิดทิศผิดทาง ผิดที่ผิดเวลา ยังรวมถึงผิดที่ พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย"

ส่วน นายเผ่าภูมิ ชี้ว่า งบปี 2565 มี 5 ผิด คือ 

1.งบผิดกฎ คือผิดวินัยการเงินการคลัง 

2.ผิดจำนวน งบปีนี้ลดลงจากปีที่แล้ว 5.6% แม้ปีนี้จะต้องการการฟื้นฟูเศรษฐกิจจำนวนมาก แต่รัฐบาลก็เก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า 

3.ผิดที่คือตัดงบในส่วนที่ไม่ควรตัดในหลายๆ ด้าน เช่น การจัดรายจ่ายทางการสวัสดิการของประชาชน ในช่วงที่ประชาชนต้องการใช้เงิน ,ตัดงบของการศึกษา ระดับปฐมวัย ปฐมศึกษา ซึ่งเป็นส่วนที่มีงบประมาณเยอะที่สุด ,ตัดงบกระทรวงทรวงแรงงาน ในขณะที่ต้องช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน เป็นต้น

4.ผิดเวลา คือบางหน่วยงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้งบแต่มีการจัดสรรงบให้ เช่น กระทรวงกลาโหม 

5.ผิดที่คนใช้งบประมาณ ต่อให้มีคุณภาพ แต่ถ้าคนใช้ไม่มีประสิทธิภาพก็ถือว่าศูนย์เปล่า 

ดังนั้นงบ 65 ฉบับนี้ต้องถกเถียงกันอย่างรุนแรงในสภาฯ เพื่อให้เห็นจุดอ่อนและต้องปรับปรุงแก้ไข

 

ทางด้านนายจักรพงษ์ กล่าวว่า ความผิดของการจัดสรรงบประมาณ คือการประมาณการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาด, เก็บรายได้ไม่เข้าเป้า, การกู้ขาดดุล และผิดที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนทำงบประมาณฉบับนี้ 

ดังนั้น อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ เอา พ.ร.บ.งบปี 65 ไปพิจารณาใหม่ ปรับตัวเลขให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาน ว่าจะทำอะไรเพื่อประชาชนได้มากที่สุด หรืออีกข้อเสนอคือ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :