โฆษกรัฐบาล ยัน “นายกฯ”ไม่ได้รวบอำนาจ แต่เพื่อสั่งการได้ทันที

วันที่ 30 เม.ย. 2564  นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการกำหนด ตามประกาศ เรื่องการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 3) ว่าการโอนอำนาจหน้าที่ 31 ฉบับ การโอนอำนาจหน้าที่เป็นของนายกฯเป็นการชั่วคราว มีประกาศเพิ่มเติมการโอนอำนาจหน้าที่เหล่านั้น มิใช่การโอนอำนาจหน้าที่ในส่วนคณะกรรมการตามกฎหมายมาเป็นของนายกฯ คณะกรรมการตามกฎหมายยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ตามปกติ นั่นหมายความว่าในพ.ร.บ.ทั้ง31 ฉบับ ยังมีคณะกรรมการต่างๆมากมายที่แต่งตั้งขึ้นมา ซึ่งคณะกรรมการเหล่านั้นยังสามารถดำเนินการประชุมหรือทำงานได้ตามปกติ โดยให้รัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาหรือเป็นประธานและกรรมการตามกฏหมายในลักษณะเช่นเดิม ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามปกติ เว้นแต่มีในกรณีใดที่คณะกรรมการชุดใดที่นายกฯอาจจะมีการเข้าดำเนินการหรือเข้าประชุมร่วมหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น เพราะฉะนั้นในส่วนของการประกาศเพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อให้อำนาจหน้าที่ในส่วนของคณะกรรมการต่างๆตามพ.ร.บ.ทั้ง 31 ฉบับสามารถประชุมและทำงานได้ตามปกติ

ทั้งนี้ยังมีประกาศเพิ่มเติม เรื่องหลักเกณฑ์ที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศเรื่องการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรตรีตามกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 3 ที่ให้มีการนำเสนอในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับทางด้านปัญหาหรืออุปสรรคหรือวิธีการแก้ไขปัญหาให้นายกฯหรือศบค.รับทราบทุกครั้งในกรณีที่นายกฯหรือประชาชนควรทราบในเรื่องต่างๆดังนี้
 

1.หน้ากากอนามัย 2.เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคโควิด - 19 3.ยา เช่น ฟาวิพิราเวียร์ 4.การยื่นเรื่องขออนุญาต การขอขึ้นทะเบียน การนำเข้า การจัดหา การประสานหรือติดต่อกับต่างประเทศ และการจัดสรรวัคซีนที่เกี่ยวกับโรคโควิด - 19 5.ออกซิเจนที่ใช้ทางการแพทย์ 6.เตียงผู้ป่วยหนักในสถานพยาบาล การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 7.การรับแจ้งเหตุเกี่ยวกับผู้ป่วย การอำนวยความสะดวกและการบริการขนย้ายลาเลียง ผู้ป่วย 8.การควบคุมเส้นทางคมนาคม ทางบก ทางน้า ทางอากาศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคโควิด - 19 โดยเรื่องเหล่านี้หากหน่วยงาน ตลอดจนรัฐมนตรีที่เป็นผู้บังคับบัญชามีปัญหาอะไรต่างๆรายงานให้นายกฯได้ทราบด้วย หรือศบค.ได้ทราบทุกครั้ง