ศาลรธน.ตีตกคำแย้ง“ธาริต-เมีย”สู้ยึดทรัพย์341ล้าน

25 ก.ค. 2562 | 12:55 น.
อัปเดตล่าสุด :08 เม.ย. 2564 | 23:34 น.

ศาลรนธ.ตีตกคำโต้แย้ง ธาริต-วรรษมลปมแย้งกระบวนการพิสูจน์ทรัพย์สิน 341 ล้านบาทจากการร่ำรวยผิดปกติ เหตุ ศาลแพ่งตัดสินแล้ว-ไม่ใช่กฎหมายที่มีผลต่อการบังคับคดี

วันนี้ (25 กรกฎาคม) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ(ศาลรธน.)ได้เผยแพร่คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญกรณีศาลแพ่งส่งคำโต้แย้ง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ปช.12/2559 คดีหมายเลขแดงที่ ปช.1/2561 เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212โดยกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากศาลแพ่ง มีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของ นายธาริต และนางวรรษมล จำนวน 49 รายการ รวมมูลค่า  341,797,811.58 บาท พร้อมดอกผลของทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 ประกอบมาตรา 83  

แต่นายธาริตและนางวรรษมล ยื่นคำคัดค้านคำสั่งศาลแพ่งและโต้แย้งว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 80 ระบุว่า ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับในการดำเนินกระบวนพิจารณา จึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 และมาตรา 84/1 มาใช้บังคับ โดยให้ฝ่ายกล่าวหาเป็นผู้พิสูจน์ความจริง ไม่ใช่ให้ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องพิสูจน์ว่า ทรัพย์สินดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ ตามที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กำหนด ศาลแพ่งจึงส่งคำโต้แย้งดังกล่าวเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย              

โดยศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 81วรรคสอง เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดภาระการพิสูจน์ในคดีที่ร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งกรณีดังกล่าวศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้ง 2 ตกเป็นของแผ่นดินไปแล้ว และคดีอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ บทบัญญัติที่มีการโต้แย้งจึงไม่ใช่บทบัญญัติที่ศาลแพ่งจะใช้บังคับแก่คดี กรณีดังกล่าวจึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย