ศธ. สั่งทบทวนการทัศนศึกษานอกโรงเรียน ต้องมีมาตรการเข้มงวดขึ้น

กระทรวงศึกษาธิการ เกาะติดภายหลังเกิดโศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย

เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ที่ก่อให้เกิดความเสียใจแก่ทุกฝ่าย และได้สั่งการ "งดทัศนศึกษาที่ไม่จำเป็นทันที" พร้อมวางมาตรการดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ โดยให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องความปลอดภัย การป้องกันและลดโอกาสเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต

พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา กล่าวว่า การทัศนศึกษานอกโรงเรียนช่วงนี้ต้องงดทันที หรือหากจำเป็นต้องมีผู้ปกครองเดินทางไปด้วย และคงต้องนำไปทบทวนกันอีกครั้ง เพราะการที่เด็กได้ออกไปทำการศึกษานอกโรงเรียนเสมือนเป็นการเสริมพัฒนาการเปิดโลกการเรียนรู้ที่จับต้องได้ เป็นโอกาสให้เด็กหลายคนที่ผู้ปกครองไม่สะดวกในการพาไปได้ประสบการณ์จริง ที่ผ่านมาถือเป็นโครงการที่ดีและสร้างสรรค์

"แต่ที่ต้องเข้มงวดกว่าเดิมและออกเป็นมาตรการสำคัญคือการตรวจเช็คสภาพรถและคนขับก่อนออกเดินทางไกล และต้องมีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตรวจสอบอุปกรณ์ฉุกเฉินที่มีความพร้อมมากกว่านี้" พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว

ในส่วนของ สพฐ. ได้สั่งการให้สอบเหตุการณ์ดังกล่าวว่าทางโรงเรียนได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวดตามระเบียบการขอออกนอกพื้นที่หรือไม่ โดยเบื้องต้นทราบว่าโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆารามได้ทำหนังสือขออนุญาตผู้ปกครองนำเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลออกนอกพื้นทัศนศึกษาตามระเบียบของ สพฐ. ที่ได้เปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนทุกระดับชั้นสามารถเดินทางออกไปทัศนศึกษา โดยต้องมีครูร่วมเดินทางไปด้วย ส่วนรถที่ใช้ต้องได้มาตรฐานผ่านการตรวจสอบสมรรถภาพก่อนเดินทาง และต้องแจ้งตำรวจทางหลวงให้ทราบเพื่อเป็นขบวนนำทางไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย

รมว.ศธ. กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์สะเทือนใจที่เกิดขึ้น และจะดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างเต็มที่ โดยล่าสุด ผอ.โรงเรียนรายงานว่าบริษัทประกันชีวิตได้เข้ามาดำเนินการที่โรงเรียนแล้ว เพื่อเร่งดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บโดยเร็วที่สุด ซึ่งครูจะได้รับการเยียวยา 80,000 บาท และนักเรียนจะได้รับการเยียวยา 160,000 บาท

จากการทำประกันหมู่ที่โรงเรียนนักเรียนและครูทุกคนได้ทำไว้อยู่แล้ว และจะประสานในส่วนของค่าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 ตลอดจนร่วมกับมหาวิทยาลัยในการประสานงานกับบริษัทประกันชีวิตเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาฝึกสอนที่เสียชีวิตด้วย

เบื้องต้นผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทั้งหมดเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้ว และนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้กำชับให้ ศธ.ดูแลสภาพจิตใจของนักเรียนและครูที่รอดชีวิต รวมถึงทุกคนที่ร่วมเดินทางในการทัศนศึกษาครั้งนี้ด้วย ขอขอบคุณกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม ทหารและทุกฝ่าย สำหรับความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการเข้ามาช่วยเหลือและดูแลเยียวยาสุขภาพจิตของทุกคน ซึ่งขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีได้ดำเนินการเกี่ยวกับพิธีการทางศาสนาของผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ทุกครอบครัวผู้สูญเสีย 

สิ่งที่สำคัญที่สุดวันนี้คือการดูแลเยียวยาร่างกายและจิตใจผู้ที่ยังปลอดภัยและผู้ปกครองผู้สูญเสีย ช่วงเวลาแบบนี้กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญกับกลุ่มผู้ปกครองที่ทั้งสูญเสียและไม่สูญเสียก็ต้องเข้าไปเติมเต็มให้ทั้งหมด เหตุการณ์นี้ไม่มีใครอยากให้เกิดแต่เมื่อถึงจุดนี้แล้วเราก็ต้องช่วยกันบรรเทาเยียวยาความสูญเสียให้ดีที่สุด 

นอกจากนี้ ศธ. จะร่วมทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต และรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ อีกทั้งกำหนดให้มีการพิจารณารางวัลครูสถิรคุณเพื่อยกย่องครูที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้ และจะเร่งรัดการปูนบำเหน็จให้กับครูผู้เสียชีวิตโดยเร็วที่สุด รวมถึงวางแผนปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยในการเดินทางของนักเรียนและครูในกิจกรรมทัศนศึกษา เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุต่อไป

"เราต้องเข้มแข็งและมองไปข้างหน้า และขอเป็นกำลังใจให้ครูทุกคนที่เกี่ยวข้อง เหตุการณ์ที่น่สะเทือนใจเช่นนี้แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจากนี้ก็ต้องมาดูเรื่องการวางแนวทางปฏิบัติให้เกิดความปลอดภัยมากกว่านี้ส่วนสำคัญต้องหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก" พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว

ขณะที่ #ไฟไหม้รถบัส กำลังเป็นที่นิยมมากในการค้นหาในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ไม่เผยแพร่มุมที่ไม่เหมาะสม ขอความกรุณางดแชร์ภาพ-คลิปเหตุการณ์หรือภาพที่สะเทือนขวัญ และขอร้องอย่าซ้ำเติมกันเพราะครูทุกคนได้ทำหน้าที่เต็มความสามารถอย่างดีที่สุดแล้ว โปรดเคารพสิทธิเด็กและไม่ตอกย้ำความรู้สึกของผู้ปกครองผู้สูญเสีย