วช.จับมือ กทม. เซ็น MOU หนุนวิจัย-นวัตกรรมการแพทย์

05 เม.ย. 2567 | 20:16 น.
อัปเดตล่าสุด :05 เม.ย. 2567 | 20:23 น.

วช.จับมือ กทม.-ม.สงขลานครินทร์ ลงนาม MOU ดันงานวิจัยนวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ตั้งเป้าช่วยผู้ป่วยมะเร็งลำไส้

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า วช.ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) และ กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจและสนับสนุนการแพทย์ ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม (MOU) โดยเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ประโยชน์ในโรงพยาบาล และหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง

 

"การลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ภายใต้การส่งเสริมและพัฒนาของนักวิจัย โดยได้มีการเดินหน้ามาตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน ภายใต้โครงการชุดอุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่าย จากทวารเทียมจากยางพารา"

วช.จับมือ กทม. เซ็น MOU หนุนวิจัย-นวัตกรรมการแพทย์

ขณะเดียวกันการลงนามในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ที่ทีมวิจัย ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเกือบ 10 ปี จนถึงระยะที่สามารถนำสู่การใช้ประโยชน์ แก้ปัญหาความขาดแคลน ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เดือดร้อนจากการเจ็บป่วย สามารถเข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียมกัน เพิ่มคุณภาพ ชีวิตและลดช่องว่างทางสังคม

ดร.วิภารัตน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันชุดอุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายทวารเทียมได้มีการใช้วัสดุจากยางพาราภายในประเทศ ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิต และสร้างความมั่นคงได้ในระยะยาว อีกทั้งยังได้มีการพัฒนารูปแบบของชุดอุปกรณ์ให้เหมาะกับผิวและผนังหน้าท้องของคนไทย จนสามารถจดสิทธิบัตรสูตรยางพาราและอนุสิทธิบัตรการออกแบบอุปกรณ์ทวารเทียม จนเกิดผลสัมฤทธิ์ในการนำผลงานวิจัยด้านการแพทย์ไปใช้ประโยชน์อย่างครบวงจร

วช.จับมือ กทม. เซ็น MOU หนุนวิจัย-นวัตกรรมการแพทย์

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้นำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ผลิตคิดค้นโดยนักวิจัยไทย และนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง

 

"มหาวิทยาลัยฯได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก วช. ตั้งแต่ต้นน้ำ กระบวนการผลิต รวมไปถึงการจดสิทธิบัตร และผลักดันให้เกิดการใช้จริง พร้อมจะขยายผลต่อไป ซึ่งการผลิตอุปกรณ์ทวารเทียมจากยางพารา เป็นวัสดุที่ใช้แล้วทิ้ง ที่ผลิตได้เองภายในประเทศ เป็นการลดการนำเข้าจากต่างประเทศ"

 

นอกจากนี้ถือว่าผู้ประกอบการไทยมีความสามารถมาก รวมทั้งยังมีงานวิจัยและนวัตกรรมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือแพทย์ ยา อาหาร หรือสมุนไพร ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนและพลิกโฉมงานวิจัยและนวัตกรรมต่อไป

ดร.แพทย์หญิงเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า การลงนามความเข้าใจกับ วช. และ ม.อ. เพื่อขับเคลื่อนบูรณาการความร่วมมือในการนำองค์ความรู้ งานวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปส่งเสริม สนับสนุน สร้างเสริมให้ประชาชนมีสุขภาวะที่ดี นำไปสู่การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก

วช.จับมือ กทม. เซ็น MOU หนุนวิจัย-นวัตกรรมการแพทย์

ทั้งนี้สำนักการแพทย์มีนโยบายในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพพัฒนาศูนย์ข้อมูลสารสนเทศทางการแพทย์ ตลอดจนดำเนินการวิจัยสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนแพทยศาสตร์ศึกษาและพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล พร้อมการขับเคลื่อนเขตสุขภาพกรุงเทพมหานคร (Bangkok Health Zoning) รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและดำเนินการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งจะนำมาสู่การพัฒนาและยกระดับคุณภาพด้านการศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต สู่การเป็นสถาบันการศึกษาที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อรับใช้สังคมและประเทศต่อไป

 

สำหรับกรอบแนวทางความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการขับเคลื่อนบูรณาการความร่วมมือในการนำองค์ความรู้ งานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการแพทย์ ไปส่งเสริมสนับสนุน สร้างเสริมให้ประชาชนมีสุขภาวะที่ดี นำไปสู่การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้มีความสามารถในการแข่งข้นด้านการส่งเสริม การค้า และการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน และขยายผลองค์ความรู้งานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากงานวิจัยไปใช้ประโยชน์