วันนี้ 10 ก.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ติดตามความคืบหน้าการสอบสวนคดียิง “สารวัตรแบงค์” ตำรวจทางหลวง คางานเลี้ยงโต๊ะจีน เหตุเกิดภายในบ้านกำนันนก จังหวัดนครปฐม
โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนช่วงหนึ่งว่า จะมีการตรวจสอบทางธุรกิจของกำนันนก ด้วยว่า มีการทำต้องทำกฏหมายด้วยหรือเปล่า พร้อมกับเปิดเผยโดยคาดว่าอีก 2 อาทิตย์ คดีนี้น่าจะแล้วเสร็จ และจากนี้ไปก็จะมีการไล่เครือข่ายกำนันนกว่า จะมีใครร่วมขบวนการบ้าง ก็ต้องไล่มาดำเนินคดีให้หมด
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้ทำการตรวจสอบหลักฐานสำคัญเป็น “เซิร์ฟเวอร์” กล้องวงจรปิด ที่ถูกนำไปโยนทิ้งน้ำ และร่วมสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้ง 6 นาย ภายหลังที่ศาลจังหวัดนครปฐม ได้อนุมัติหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่ร่วมกระทำผิด
สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกออกหมายจับ ประกอบด้วย พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข อายุ 52 ปี สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร, ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ อายุ 58 ปี บก.ทล., ร.ต.ท.นิมิตร สลิดกุล อายุ 57 ปี รอง สว.จร.สภ.เมืองนครปฐม, ร.ต.อ.ณัฏฐพล นาคกร อายุ 59 ปี บก.ทล., ร.ต.ท.ประสาร รอดผล อายุ 58 ปี บก.ทล. และ ร.ต.ต.สรรเสริฐ ศรีสวัสดิ์ อายุ 55 ปี บก.ทล. ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกันทำลายหลักฐาน และร่วมกันช่วยผู้อื่นกระทำความผิด
เปิดหมายจับตำตรวจ 6 นาย ทำลายหลักฐาน-พาหนี
โดยรายละเอียดของนายตำรวจที่ถูกออกหมายจับ จากศาลจังหวัดนครปฐม ทั้ง 6 คน แยกเป็นข้อกล่าวหาแบบรายบุคคลดังนี้
1.พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข อายุ 52 ปี สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร กระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ,เพื่อจะช่วยผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ช่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมีใช่ความผิดลทุโทษ เพื่อไมให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม”
2.ร.ต.อ ณรงศักดิ์ แตงอำไพ อายุ 58 ปี บก.ทล. ข้อหา กระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
3.ร.ต.ท.นิมิตร สลิดกุล อายุ 57 ปี รอง สว.จร.สภ.เมืองนครปฐม ข้อหา กระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ,เพื่อจะช่วยผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ช่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมีใช่ความผิดลทุโทษ เพื่อไมให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม”
4.ร.ต.อ.ณัฏฐพล นาคกร อายุ 59 ปี บก.ทล. ข้อหา กระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อจะช่วยผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษ น้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ช่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการ กระทำความผิด ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลทุโทษ เพื่อไมให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม
5.ร.ต.ท.ประสาร รอดผล อายุ 58 ปี บก.ทล. ข้อหา กระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อจะช่วยผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษ น้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ช่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการ กระทำความผิด ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลทุโทษ เพื่อไมให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม
6.ร.ต.ต.สรรเสริฐ ศรีสวัสดิ์อายุ 55 ปี บก.ทล. ข้อหา กระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำหรับการออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 6 นาย บุคคลที่ปรากฏชัดเจนว่า มีส่วนเกี่ยวกับการซ่อน ทั้งปืน และเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งทั้งหมดให้การรับสารภาพบางส่วน แต่การรับสารภาพหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น โดยศาลเชื่อในพยานหลักฐาน เริ่มจากมีการดึงปืนออกจากตัวนายหน่อง และพานายหน่องและกำนันนกหลบหนี เป็นพฤติกรรมชัดเจน ตามข้อหา ซึ่งในประเด็นที่มีการจับตัวนายหน่องไว้แล้ว แต่ก็มีการปล่อยตัวไป ซึ่งถือว่าแย่ทั้ง 20 กว่าคน
"บิ๊กโจ๊ก" ซัด เป็นตำรวจแต่ทำตัวเป็นลูกน้องนักการเมือง
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้ถ้าไม่มีตำรวจไปช่วยเหลือการทำลายสถานที่เกิดเหตุ การเก็บวัตถุพยาน คนอย่างกำนันนก ไม่ได้จบอะไรมาเลย ไม่มีความรู้อะไรเลย จะทำได้อย่างไร และเรื่องการอารักขา รวมถึงที่รองสารวัตรจราจร ได้นำอาวุธปืนไปให้กำนันนกใช้ และนำไปส่งต่อให้นายหน่องใช้ และไม่ได้โอนชื่อ และตัวยังเอารถของกำนันนกไปซ่อนที่บ้านอีกหลังหนึ่ง พฤติกรรมชั่วๆ แบบนี้ ต้องปราบให้หมด
“ตำรวจทำตัวไปเป็นลูกน้องเขา ซึ่งคนเหล่านี้ที่เกิดขึ้นมาได้ เพราะตำรวจไปเป็นเบ๊ให้เขา และบางคนอยู่ตั้งแต่ตนเองเป็นร้อยตำรวจเอกที่นี่ ก็ต้องเอาซะที” รอง ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับชุดตำรวจที่พาหลบหนี และยังมีในส่วนอื่นๆ อีก ซึ่งส่วนอื่นๆ นั้น มีหลักฐานครบถ้วนอยู่แล้วด้วย และจากข้อมูลที่ได้ พบว่า นายหน่องไม่ได้มีปัญหาโกรธเคืองมาก่อนกับสารวัตร ดังนั้น การก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งมีลักษณะบอกให้นายหน่อง ลงมือทำ ซึ่งต้องแยกกันออกมา โดยในส่วนตำรวจที่อยู่ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งแล้ว
เผยให้ออกจากราชการไว้ก่อน 3 นาย
ในส่วนของตำรวจทางหลวง ก็จะเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการสอบสวนกลาง ที่จะมีการดำเนินการดำเนินการสอบสวน และ ก็จะมีการพิจารณาเช่นเดียวกัน ส่วนพ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข อายุ 52 ปี สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และร.ต.ท.นิมิตร สลิดกุล อายุ 57 ปี รอง สว.จร.สภ.เมืองนครปฐม (เจ้าของปืน) และ(เป็นพลขับของผู้บังคับการ จ.นครปฐม) โดยขณะนี้ได้ให้มีการออกจากราชการไว้แล้ว และจากนี้ไปก็จะมีตำรวจและพลเรือน ถูกออกหมายจับต่อไป
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า คดีนี้ ท่าน ผบตร. และผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ได้สั่งการลงมาอย่างชัดเจน ซึ่งตำรวจมีทั้งหมด 2 แสนกว่านาย แน่นอนต้องมีคนดีมากกว่าคนไม่ดี คนไม่ดีก็ต้องไม่เลี้ยงเอาไว้ และปฏิบัติเหมือนผู้ต้องหารายทั่วไป และต้องกำชับผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ว่าต้องไปกำชับลูกน้องตัวเอง ต้องไม่ไปเดินตามนักการเมือง และผู้มีอิทธิพล และตำรวจที่เป็นระดับผู้กำกับ ที่จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เขาประสิทธิประสาทวิชามาให้แล้ว แต่กลับมาเดินตามนักการเมือง ซึ่งไม่มีความรู้อะไรเลย
“ในส่วนของรองสารวัตรจราจรเอง ก็ยังขับรถให้ผู้การฯ อยู่เลย ซึ่งความย่ำแย่แบบนี้ ทั้ง 25 คนนี่ก็ย่ำแย่แล้ว แต่ผู้การฯ และผู้กำกับฯ ก็ยิ่งย่ำแย่เข้าไปอีก ถ้ามีความเข้มแข็ง เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิด เราอยู่ในพื้นที่แบบนี้ ก็ยังปล่อยให้คนเหล่านี้พกปืนได้ตามอำเภอใจได้อย่างไร ” รอง ผบ.ตร.กล่าว