เปิดภาพชุด 'ประยุทธ์' น้ำตาคลอ อำลาทำเนียบรัฐบาล

31 ส.ค. 2566 | 20:35 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ส.ค. 2566 | 21:18 น.

ปิดฉากนายกคนที่ 29 อย่างสวยงาม “ประยุทธ์” ร่วมรับประทานอาหารมื้อกลางวันอำลาสื่อทำเนียบ ข้าราชการ - เจ้าหน้าที่ ร่วมส่งท้าย เปิดเพลง "คำสัญญา" สวมกอด "พีระพันธุ์ - ธนกร "น้ำตาคลอ”

ปิดฉากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 อย่างสวยงาม วันนี้ 31 สิงหาคม 2566 เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 31 ส.ค.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เดินลงจากห้องทำงาน บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ  นายธนกร วังบุญคงชนะ  รมต.ประจำสำนักนายกฯ

โดยทันทีที่นายกฯ เดินมาถึงบริเวณ ที่จะร่วมรับประทานอาหารกับสื่อมวลชน หน้าตึกบัญชาการ 1 ได้ถอดเสื้อสูท  และมีท่าทีผ่อนคลายอย่างอารมณ์ พร้อมกล่าวทักทายว่า "ระวังติดโควิดนะ สบายดีกันไหม วันหน้าก็ทำกับรัฐบาลใหม่เขาให้ดีๆ ก็แล้วกันนะ " จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้รับประทานอาหารโดยเมนูวันนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์รับประทาน ประกอบด้วย  ผัดไทย หมูย่างปลาร้า ส้มตำ หอยทอด ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และของหวานเป็นไอศกรีมกะทิ 

โดยสื่อถามพล.อ.ประยุทธ์ ว่า นายกฯ คุยกับเราบ้างก็ได้โดย พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ก็คุยกันมาตลอดนิ คุยกันมา 9 ปีแล้ว ไม่เบื่อหรือไง ทะเลาะกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เอางานเป็นหลัก พูดไม่เพราะบ้างก็ให้อภัยกันเถอะ 

เมื่อถามว่า จากนี้นายกฯ จะไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็คงสักระยะให้มันนิ่งๆ เงียบๆเรียบร้อยก่อน จะไปถูกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย เพราะตนนั่งแค่รถจากบ้านมาทำเนียบทุกวัน ก็ฝากไปถึงครอบครัว ขอให้อยู่กับครอบครัว เพราะเวลาก็หายไป 9 ปี หรือเยอะกว่านั้น ที่เรามาอยู่ตรงนี้มาบริหารสถานการณ์สภาวะต่างๆ ซึ่งวันนี้ก็สงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างน่าภูมิใจ ถ้าเราช่วยกันรักษาไว้ประเทศก็เดินต่อไปได้ เพราะทุกอย่างตั้งเอาไว้แล้ว จะปรับเปลี่ยนอะไรก็ต้องทำให้ต่อเนื่องกันบ้าง ตนไม่ขอวิจารณ์ให้เขาทำงานไป  ซึ่งการที่ตนตัดสินใจออกจากทำเนียบไปนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะเป็นการให้เกียรติคณะรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเร็วๆ นี้ เขาจะได้มาจัดสถานที่ในการทำงาน  
 

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาดูตึกไทยคู่ฟ้า แล้วระบุว่าไม่มีห้องนอน พล.อ.ประยุทธ์ แนะนำอะไรไปบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นายเศรษฐาเป็นผู้ถามตนว่าจะนอนทำเนียบดีไหม ตนจึงบอกว่าถ้าจะนอนก็มีห้องเล็กอยู่ ตนก็ยังไม่เคยนอน เพราะรบกับสื่อทำให้นอนไม่หลับ แต่พอพูดไปโมโหไป กลับมาก็รู้สึกเสียใจ คิดว่าไม่ควรพูด ต่างคนต่างเข้าใจกันนะ ดูอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่เคยทะเลาะกับใคร  ยิ้มตลอด ตนเป็นคนขี้โมโห คิดเร็วทำเร็ว บางทีก็อาจจะไม่เหมาะสม แต่ถ้าดูผลงานที่ออกมาก็โอเคแล้ว บางครั้งก็ต้องดุบ้าง เพราะเราก็เป็นทหารมาก่อน ที่สื่อเขียนกันมาตนก็ไม่ได้โกรธ เพราะเดี๋ยววันเวลา ก็พิสูจน์กันเอง 

เมื่อถามว่า ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ จะเหงาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะเหงาอะไร ตนเป็นคนช่างคิด ช่างอ่าน นิสัยนี้เลิกไม่ได้ ไม่มีอำนาจอะไรก็นั่งคิดไปเฉยๆ คิดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง คนเราต้องวางบทบาทที่เหมาะสม ทำตัวอย่างไร สื่อไทยมีอิสระ และบทบาท เพราะนี่คือประเทศไทย เราไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะยังไงก็เป็นคนไทยด้วยกัน แต่ขอให้นึกถึงกฎหมายกันบ้าง เพราะคนอื่นเขาเดือดร้อน การใช้อำนาจ การใช้กฎหมายก็ต้องระมัดระวัง ไม่ให้บานปลาย ไม่เป็นเยี่ยงอย่าง ก็ต้องมีวิธีการ ซึ่งเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม เราเป็นฝ่ายบริหาร ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติ อัยการ ศาล องค์กรอิสระ เขาก็มีหน้าที่บทบาทของเขาจะไปก้าวล่วงเขาไม่ได้ เราเคารพตรงนี้ทำของเราให้ดีที่สุด 
 


เมื่อถามว่างานอดิเรกจากนี้ไป พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า จะอ่านหนังสือ และเลี้ยงสุนัข พล.อ.ประยุทธ์ จะเขียนหนังสือสักเล่มหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หรอกขอพักสมองสักเดี๋ยว เจอกับหนังสือมา 9 ปี ท่วมหัวไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องการทำเพลงนั้นวันหน้าจะเขียนให้นายอนุทิน ไปแต่ง เพลงที่ตนแต่งมาชอบทุกเพลง เพราะ มีความหมายสำหรับเรา เราชอบแต่งบทกลอน บทกวี เล่าเรื่องร้อยเรียง เราเป็นคนพูดได้ 2-3 ชั่วโมง วันๆ หนึ่ง

ตอนสมัยอยู่กับทหารแต่งเพลงมายังไม่มีใครมาขอออกซิงเกิลเลย การแต่งเพลงจะเอาทำนองเพราะๆ มาก่อนแล้วใส่เนื้อทีหลัง แต่ถ้าให้ร้องเพลงของตัวเองตอนนี้คงจำเนื้อไม่ได้ ส่วนเพลงคืนความสุขให้เธอประเทศไทย ที่ร้องว่าขอเวลาอีกไม่นาน ตอนนั้นก็คือ ตอนนั้นแต่ไม่คิดว่าจะมาถึงตอนนี้หรอก ต้องคิดว่าเข้ามาอย่างไรสถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้ามันเรียบร้อยตนก็ไปนานแล้ว ถ้ามันสงบเรียบร้อยไม่มีปัญหาก็ไป ตนไม่ได้ตั้งใจอยู่มาถึงขนาดนี้ แล้วตอนนี้ถือว่าทุกอย่างโอเคอย่าลืมว่า 4 ปีแรกกับ 4 ปีหลัง ด้วยตัวกฎหมายด้วยอะไร 4 ปีแรกเลิกกันเสียที เราไม่เกี่ยวกับการเมืองแต่เราเข้ามาดูบ้านเมืองให้เรียบร้อย ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงต่อกันเป้าหมายมีแค่นั้น วันนี้ถือว่าทุกคนปรองดองกัน แต่เราจะไปสั่งใครปรองดองไม่ได้ นายกฯ คนเดียวทำได้เหรอ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับเพลง "สะพาน" เราแต่งทำนอง เนื้อหาเป็นการข้ามสายน้ำที่เชี่ยวกรากเป็นสะพานให้คนเขาเหยียบย่ำข้ามไปนั่นแหละคือเรา จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้เปิดเพลงสะพานจากโทรศัพท์มือถือ ออกลำโพงโดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้องตาม พร้อม ระบุว่า คำว่าขอเวลาอีกไม่นานนั้นหมายความว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดีถ้าผ่านเร็วเราก็ไปเร็วแค่นั้นเอง แต่กลไกการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญเขาทำมาเราก็ต้องอยู่ เป็นเรื่องของกระบวนการ ทุกคนก็มองแต่อำนาจ ลองถามนายอนุทิน ดูเราใช้อำนาจไหม อำนาจต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องเพราะอำนาจมาพร้อมความรับผิดชอบ ทุกคนอยากมีอำนาจแต่อำนาจก็ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีนั่นคือ การใช้อำนาจ ถ้าไม่ถูกก็มีปัญหาตนก็พยายามระมัดระวังมา 9 ปี ทุกคนใน ครม.ก็ระมัดระวังมาด้วยกัน ขอร้องกันแล้ว ว่าบ้านเมืองสำคัญกว่าอย่างอื่น และยังอาจไม่เหมือนกัน ความคิดตนแบบทหาร และอยู่การเมืองมาหลายปี 4 ปีแรกมันก็มีอยู่ แต่ 4 ปีหลังเราก็ทำการเมืองที่สร้างสรรค์ ถ้าคนแตกแยกกันมากๆ มันอันตราย รู้ไหม 

"มันต้องมีหลักพื้นฐานสำคัญคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไว้ก่อน แล้วจะอย่างไรก็ว่ากันมา ถ้าแยกกันเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย มันจะเดินหน้าไปไม่ได้ วันหน้ามันก็ลูก หลาน ของพวกท่าน ก็ไม่แน่ก็อาจจะดีก็ได้ เราไปพูดมากเดี๋ยวจะกลายเป็นอะไรอีก เราไม่มีอำนาจอะไรอยู่แล้ว ไม่เคยคิดว่ามีอำนาจ เอาอย่างนี้ดีกว่า ทุกอย่างอำนาจมาตามความรับผิดชอบ มาตามระเบียบข้อบังคับกฎหมายอยู่ดีๆ จะสั่งทำแบบนั้นแบบนี้ ผมจะไปสั่ง ได้ไหมมีแต่ดำริไปตามนโยบายว่าเรื่องไม่ควรจะทำหรือไม่ เห็นชอบร่วมกัน กฤษฎีกาก็ต้องนำไปตรวจทานว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าแบบนี้โอเค อำนาจใช้มากเกินไปก็อันตรายแต่ทุกคนก็รับผิดชอบอยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

เมื่อถามว่าที่ว่า วันข้างหน้าจะเรียบร้อยไปด้วยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า อย่ามาถามตน และชี้ไปที่นายอนุทิน แต่ว่าขอให้ฝากคนนี้ ซึ่งต้องย้อนดูว่ามีอะไรอยู่บ้าง รัฐธรรมนูญเขียนไว้ ถ้าจะแก้ จะเกิดประโยชน์หรือเปล่าก็ไม่รู้อาจจะดีก็ได้ ไม่มีความคิดเห็น โนคอมเมนต์

เมื่อถามว่า จะฝากอะไรถึงชาวโซเชียล ที่วันข้างหน้าจะไม่ได้เป็นนายกฯ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากความรักความคิดถึง และไม่โกรธเคืองใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรักจะชอบไม่ชอบจะด่าจะว่า เพราะเป็นโลกของโซเชียลเพียงแต่ท่านต้องมีภูมิคุ้มกันบ้าง บางทีไม่รู้จักกันเห็นเขาเกลียดก็เกลียดด้วย ซึ่งตนคิดว่ามันต้องมีเหตุมีผล ถ้าทุกคนบิดเบี้ยวไปหมดกฎหมายอยู่ตรงไหนไม่รู้ มันไม่ได้ เป็นอันตรายสำหรับประเทศ สื่อด้วยต้องช่วยกัน 
 


เมื่อถามว่ามีเรื่องไหนบนโซเชียลที่อ่านแล้วรู้สึกจี๊ด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จี๊ดทุกอันแหละ ไม่เป็นไร เป็นการแสดงความคิดเห็น คนที่เขาชมก็มี วันหลังก็ไม่อ่านที่ด่ามันก็หายไปจากโทรศัพท์เหมือนกัน แต่รวมๆ แล้วรู้สึกจี๊ดหมด สำหรับเรื่องโซเชียลตนไม่เคยทำเอง จะเล่นทำไม แต่ดูก็ดูอยู่แล้ว ไม่ตอบโต้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาตอบโต้เขียนอะไรก็เขียนมาก็ได้แต่อ่าน จากนี้ไปก็ต้องดู อ่านสิ่งที่เป็นประโยชน์ ประชาธิปไตยก็ต้องดูความเป็นมาด้วย เราเป็นอย่างไร และบ้านเราจะสงบแบบนี้ไหม ได้รับการพัฒนาไหม บ้านเมืองเรามีคนหลายระดับรายได้การพัฒนาใช้งบประมาณอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องมีการปรับวิธีการ วันข้างหน้าก็คอยดูแล้วกัน มีคนทำอยู่แล้ว วันนี้เราต้องสมมติในสิ่งที่ดี มันก็ต้องดี

เมื่อถามว่า ประทับใจอะไรกับเรือลำนี้ที่พายมาจนถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าเกิดจากความรักความสามัคคีความเข้าใจ เราทำหน้าที่เพื่อใคร เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน เพื่อสถาบันอะไรต่างๆ ที่ทำได้โดยเร็วก็เร่งดำเนินการไป อันไหนที่ยังต้องรอขั้นตอนก็ต้องทำต่อ หลายอย่างติดข้อกฎหมายก็ยังทำไม่เรียบร้อย ก็ต้องทำกันต่อไปมีแค่นี้ 

เมื่อถามว่า หลังจากนี้ไม่ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ และหวังอะไรกับเรือลำใหม่ที่จะมาดูแลประเทศต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วสื่อหวังอย่างไร ก็หวังแบบสื่อที่ต้องการให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ตนตอบแบบนี้ใช้ได้ไหม

เมื่อถามว่าหลังจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะแสดงความเห็นเรื่องชาติบ้านเมืองหรือไม่เมื่อไม่มีตำแหน่งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าควรหรือไม่ควร เราไม่อยากให้ความขัดแย้งมันมากกว่านี้ ซึ่งมันก็ดีอยู่แล้ว อยู่ที่พวกเราจะช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบแต่ก่อนมันไม่มากเท่านี้ แต่วันนี้มีโซเชียลอะไรต่างๆ ทุกคนแสดงความคิดเห็นกันได้หมดเมื่อถามว่ามองดูแล้วบรรยากาศจากนี้จะสงบดีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราก็ต้องหวังอย่างนั้นมั้ง 

เมื่อถามว่า ความขัดแย้งจะกลับมาอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ ก็พูดอยู่นี่ไม่อยากให้กลับมาก็แค่นั้น ในฐานะประชาชนคนหนึ่งเราก็เป็นประชาชนแล้วล่ะ และคิดว่าทุกคนก็ไม่อยากให้กลับมาเหมือนเดิม ย้อนกลับไปดูก็แล้วกันก็แค่นั้นเอง อะไรที่มันผิดพลาดที่เกิดมาแล้วเสียหาย ก็อย่าไปทำมันอีก นั่นเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ ไม่เรียนรู้ และจะอยู่กันอย่างไรในวันนี้ และวันข้างหน้า ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานตนก็ประทับใจทุกอัน ส่วนเหตุการณ์มีเยอะจำไม่ได้ และที่ประทับใจที่สุดคือ การประชุม ครม. ในทุกสัปดาห์ทุกคนเห็นชอบร่วมกันเสนอโครงการที่อยู่ในกรอบที่วางไว้ ในเรื่องการปฏิรูปก็เดินไปตามนั้นทุกอย่างไม่ได้ไปบีบรัดใคร เป็นหัวข้อใหญ่ที่ร่างไว้ แต่ไม่ได้ร่างเพื่อสืบทอดอำนาจ ขอให้ไปดู แต่บางครั้งก็ไม่อ่านกัน แต่วิจารณ์กันได้เป็นหน้าๆ

เมื่อถามว่า 9 ปีที่ผ่านมา ทำงานได้พึงพอใจสำเร็จตามที่มุ่งหวังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เกินครึ่งนะแต่บางอย่างมันยากติดกฎหมายเสนอไปหลายอย่างไม่ออก ซึ่งเป็นเรื่องของสภา แต่อย่างน้อยก็เกิน 50-60 บางอย่างก็ 80-90 อย่าง เรื่องโครงสร้างพื้นฐานการแพทย์สาธารณสุขก็เดินหน้าไปเยอะ สำหรับนโยบายที่ประทับใจถือว่าทุกโครงการที่ทำ เพราะเป็นผลประโยชน์ของประชาชนวันนี้ทำไม่ได้ก็ต้องรอวันหน้า บางแผนการโครงการประชาชนไม่เห็นชอบก็ต้องสร้างความเข้าใจ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับมอบดอกไม้ และร่วมถ่ายรูปกับสื่อมวลชน ที่ร่วมเดินไปส่งจนถึงตึกไทยคู่ฟ้า 

ต่อมาเวลา 13.09 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นไปสักการะท่านท้าวมหาพรหม บนดาดฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนลงมาพบปะ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลจำนวนมาก ที่ห้องโถงกลางตึกไทย โดยนำดอกกุหลาบแดงมามอบให้ ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์ นำวงดนตรีมาบรรเลงเพลง โดยเพลงแรกได้บรรเลงเพลงความฝันอันสูงสุดให้กับพล.อ.ประยุทธ์

จนกระทั่งเวลา 13.30 น.ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบ รวมทั้งเอฟซี แฟนคลับ ได้เข้ามาร่วมให้กำลังใจมอบดอกไม้ ถือป้ายเชียร์ และร่วมส่ง พล.อ.ประยุทธ์  โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับทุกคนว่า อะไรก็ตามที่ทำให้พวกเราไม่สบายใจ ไม่พอใจก็ขอบอกว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่ตั้งใจแบบนั้น ขอบคุณทุกคน และทุกหน่วยงานทั้งรัฐ และรัฐวิสาหกิจทุกคน ขอให้เดินหน้าได้อย่างปลอดภัย ขอฝากแค่นี้ พวกเราไม่ว่าใครจะมา ใครจะไป หน่วยงานต้องอยู่ให้ได้ทั้ง