"จุรินทร์"ยันไม่มีนโยบาย ลดคน-ลดเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่จะเพิ่มเงิน

15 ส.ค. 2566 | 10:31 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ส.ค. 2566 | 10:43 น.

"จุรินทร์"ยันไม่มีนโยบายลดจำนวนคน-ลดเงินเบี้ยยังชีพ ชี้มีแต่จะเพิ่มเงินให้สอดคล้องเศรษฐกิจและงบประมาณ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเข้าร่วมประชุม ครม. ทำเนียบรัฐบาลถึงการที่กระทรวงมหาดไทยมีการปรับแก้เกณฑ์เกี่ยวกับเบี้ยผู้สูงอายุว่า 

ในส่วนของ คกก.ผู้สูงอายุแห่งชาติ นั้นยังไม่ได้มีการกำหนดนโยบายในเรื่องการปรับลดเงิน และจำนวนของเบี้ยผู้สูงอายุแต่อย่างใดทั้งสิ้น ที่ผ่านมาก็ได้เข้าไปยุติปัญหาเรื่องการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อนไปแล้ว

กล่าวคือมีผู้สูงอายุร่วม 30,000 คน เป็นผู้ที่ได้รับบำนาญตกทอด ทำให้เกิดปัญหาว่าคนกลุ่มนี้สามารถรับเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อนได้หรือไม่ เรื่องนี้ คกก.ผู้สูงอายุแห่งชาติก็ได้เข้าไปแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการเปิดโอกาสให้สามารถรับเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อนได้ ท่านใดรับไปแล้วก็ไม่ต้องนำมาคืน 

ส่วนแนวทางของการปรับปรุงเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนั้น ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลง มีเพียงการศึกษาว่าทำอย่างไรที่จะเพิ่มเติมเบี้ยผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพ เศรษฐกิจได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องภายในที่กำลังพิจารณาศึกษาอยู่ สำหรับมติที่จะไปดำเนินการลดจำนวนผู้สูงอายุที่จะรับเบี้ยยังชีพนั้นยังไม่มี นอกจากนี้ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองแรกที่เริ่มต้นเบี้ยผู้สูงอายุในสมัยรัฐบาล ชวน หลีกภัย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์

โดยเริ่มจาก 200 บาทต่อเดือน จนพัฒนามาเป็น 1,000 บาทในปัจจุบัน พร้อมกับยืนยันว่าเบี้ยผู้สูงอายุเป็นเรื่องจำเป็น และเป็นเรื่องที่มีส่วนช่วยทำให้ผู้สูงอายุมีเงินได้เพื่อยังชีพตามอัตภาพ ในอนาคตหากสามารถเพิ่มเงินได้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และงบประมาณแผ่นดิน ก็ควรที่จะได้มีการพิจารณาดำเนินการ 

นอกจากนั้นในเรื่องกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุ พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีนโยบายชัดเจนว่าเราสนับสนุนชมรมผู้สูงอายุ ที่มีอยู่ถึง 40,000 กลุ่ม ๆ ละ 30,000 บาท ให้สามารถดำเนินกิจกรรมได้ ที่สำคัญก็คือประเทศไทยควรมีแนวทางสนับสนุน Silver Economy ด้วยการนำผู้สูงอายุมามีส่วนสำคัญในการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่ว่าอายุ 60 แล้วก็หมดความหมาย แต่ควรเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้เข้าร่วมพัฒนาประเทศในทุกด้านด้วย 

“คณะกรรมการชุดนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่เป็นลบ หรือทำให้จำนวน หรือเบี้ยลดลงนั้นยังไม่มี ยังไม่มีนโยบายเรื่องนี้ ส่วนของการที่จะต้องไปนิยามตามระเบียบมหาดไทย แต่ในหน่วยนโยบายยังไม่ได้มีนโยบายที่จะไปทำอย่างนั้น” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว 
 

พร้อมกันนั้นได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ต่อกรณีการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม จังหวัดระยอง ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า พรรคจะมีการประชุมกรรมการบริหารเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ก่อน ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ ขอให้ที่ประชุมได้พิจารณาก่อนว่าพรรคจะส่งหรือไม่ส่ง หากส่งแล้วจะส่งใคร ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเวลาที่สมัครได้อยู่ 

ส่วนคำถามเรื่องการร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่อย่างไรนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์ไม่ได้ไปประสานเพื่อจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคไหน ยังยืนอยู่จุดเดิม จนถึงนาทีนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง