เตือน 9 จังหวัดเสี่ยง "น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก" 12 - 14 พ.ค.นี้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ "เหนือ-อีสาน" รวม 25 อำเภอ ใน 9 จังหวัด เฝ้าระวังเกิด "น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก" ระหว่างวันที่ 12 - 14 พฤษภาคม 2566 นี้
9 พฤษภาคม 2566 นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงนามประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2566 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก แจ้งเตือนประชาชนใน 9 จังหวัดเฝ้าระวังอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากระหว่างวันที่ 12 - 14 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ติดตามสภาพอากาศ พบว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมอ่าวเบงกอลตอนล่าง มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุหมุนเขตร้อน โดยคาดว่าจะเคลื่อนผ่านอ่าวเบงกอลตอนกลางและทะเลอันดามันตอนบน
ส่งผลให้ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในช่วงวันที่ 12 - 14 พฤษภาคม 2566
กอนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำนองระบายไม่ทัน ในช่วงวันที่ 12 - 14 พฤษภาคม 2566 ดังนี้
ภาคเหนือ
1.จังหวัดเพชรบูรณ์
- อำเภอวิเชียรบุรี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
2.จังหวัดกาฬสินธุ์
- อ.คำม่วง
- อ.ท่าคันโท
- อ.ยางตลาด
- อ.ห้วยเม็ก
3.จังหวัดขอนแก่น
- อำเภอเมืองขอนแก่น
- อำเภอกระนวน
- อำเภอชุมแพ
- อำเภอน้ำพอง
- อำเภอพระยืน
4.จังหวัดชัยภูมิ
- อำเภอแก้งคร้อ
- อำเภอภูเขียว
5.จังหวัดมหาสารคาม
- อำเภอนาดูน
- อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย
6.จังหวัดยโสธร 3
- อำเภอค้อวัง
- อำเภอคำเขื่อนแก้ว
- อำเภอมหาชนะชัย
7.จังหวัดหนองบัวลำภู
- อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
8.จังหวัดศรีสะเกษ 2 อำเภอ
- อำเภอเมืองศรีสะเกษ
- อำเภอราษีไศล
9.จังหวัดอุบลราชธานี 5 อำเภอ
- อำเภอเขื่องใน
- อำเภอเดชอุดม
- อำเภอเมืองอุบลราชธานี
- อำเภอพิบูลมังสาหาร
- อำเภอม่วงสามสิบ
ในการนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1.ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ หรือพื้นที่ชุมชนเมือง ที่เคยเกิดน้ำนองระบายไม่ทัน
2.เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ท่อระบายน้ำ และบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที
3.ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์
