คนไทยเตรียมใจ กปน.จ่อปรับขึ้น "ค่าน้ำ"ในรอบ23ปี

24 เม.ย. 2566 | 11:47 น.
อัปเดตล่าสุด :24 เม.ย. 2566 | 12:40 น.
1.4 k

อ่วมอีกรอบนี้ "ค่าน้ำ" จ่อปรับขึ้นราคา หลังไม่ได้ขึ้นมา 23 ปีแล้ว กปน.ชี้ผลกระทบค่าไฟฟ้าสูงขึ้นและค่าเอฟทียังอยู่ในอัตราสูง อยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างค่าน้ำประปา ตามต้นทุนเพิ่มขึ้น 15-20%

 

หลังจากที่คนไทยต้องก้มหน้าก้มตาจ่ายค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น ตามค่าเอฟทีที่ปรับขึ้น ล่าสุด "ค่าน้ำประปา" จ่อจะขอปรับขึ้นราคา หลังจากที่ไม่ได้มีการปรับราคามานานถึง23 ปี เนื่องจากต้นทุนการผลิตน้ำเพิ่มสูงขึ้นตามราคาต้นทุนไฟฟ้า 

นายมานิต ปานเอม ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กปน.ได้รับผลกระทบจากต้นทุนหลังการผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้นทุกอย่าง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาก ประกอบด้วย

1.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรัฐบาลเรียกเก็บที่ราชพัสดุ กปน.ต้องเสีย 150 ล้านต่อปี จากเดิมไม่ต้องเสีย

2.ค่าน้ำดิบจ่ายให้กับกรมชลประทานวันละ 3 ล้านบาท

3.ค่าไฟเพิ่มขึ้น 20-30% หรือประมาณ 20 ล้านบาทต่อเดือน จากค่าเอฟทีของรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ปรับขึ้นกว่า 90 สตางค์

4.ค่าธรรมเนียมการวางท่อเป็น 100 ล้านบาทต่อปี

 แม้ต้นทุนจะสูงขึ้น แต่ กปน.จะตรึงค่าน้ำไว้ให้นานที่สุด ตามนโยบายของรัฐบาลยังไม่ต้องการให้ขึ้นค่าน้ำ ขณะเดียวกันพยายามบริหารจัดการต้นทุนทุกด้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ไฟฟ้า โดยจ่ายน้ำตามความต้องการใช้ เป็นต้น

 ด้านนายมงคล วัลยะเสวี รองผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กล่าวว่า ตอนนี้ กปภ.อยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างค่าน้ำใหม่ ตามต้นทุนเพิ่มขึ้น 15-20% ทั้งจากค่าไฟ ค่าสารเคมี เพื่อขอขึ้นค่าน้ำ หลังไม่ได้ขึ้นมากว่า 10 ปี อีก 2 เดือนจะแล้วเสร็จ จากนั้นเสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาว่าจะให้ปรับขึ้นหรือไม่ หรือจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป การปรับขึ้นค่าน้ำเคยขอกับกระทรวงมหาดไทยแล้วแต่ไม่ได้รับอนุมัติ และขอให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายแทน

 ทั้งนี้จากภาระค่าไฟฟ้าสูงขึ้นและค่าเอฟทียังอยู่ในอัตราสูง ส่งผลต่อธุรกิจทุกภาคส่วน บางส่วนได้ปรับตัวรับสถานการณ์ พร้อมกับมีข้อเสนอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้โอกาสนี้แก้ไขระยะสั้น และปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในอนาคต