ซูซูกิ มาสด้า ปรับตัวรับสภาพการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไทยที่เปลี่ยนไป สภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมยานยนต์เปลี่ยนแปลง ซึ่งในปีที่แล้วยอดขายลดลงไป 53.3% และ 44.3% ตามลำดับ
ในส่วนของ ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย โรงงาน จ.ระยอง เตรียมยุติสายการผลิตอีโคคาร์ ภายในปีนี้ และหันนำเข้ารถยนต์มาจากญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ทั้งหมด ปัจจุบัน Suzuki Celerio และ Caiz หมดสต็อกไปเรียบร้อย เหลือเพียง Suzuki Swift ที่กำลังกระหน่ำแคมเปญอย่างหนัก (ไม่รวมรถกระบะเล็ก และเอ็มพีวี นำเข้าจากอินโดนีเซีย)
ล่าสุด จัดงานประชุมดีลเลอร์ประจำปี พร้อมแถลงทิศทางและเป้าหมายใหม่ของปีนี้ รวมถึงยืนยันการเปิดตัวรถยนต์ 2 รุ่น ที่คาดว่าจะเป็นครอสโอเวอร์ SUZUKI FRONX ในช่วงไตรมาส ที่ 3 และ SUZUKI e VITARA รถพลังงานไฟฟ้า 100% จะตามมาช่วงปลายปีนี้
นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ ซูซูกิปรับแผนการดำเนินธุรกิจเป็นการนำเข้ารถยนต์จากหลากหลายประเทศเข้ามาจำหน่าย จะนำไปสู่การเป็นแบรนด์ที่จำหน่ายรถยนต์ Global Model ในตลาดประเทศไทย โดยมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จำนวน 2 รุ่น
“เราจะยกระดับงานบริการในทุกด้าน เพื่อดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ โดยปีนี้มีเป้าหมายการขายรถยนต์ซูซูกิ เป็น 8,000 คัน เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับที่แล้ว” นายซูซูกิ กล่าว
ปัจจุบัน ซูซูกิ มีโชว์รูม-ศูนย์บริการ 91 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ และมีผู้จำหน่ายที่มีบริการศูนย์ซ่อมสี-ตัวถัง 41 แห่ง ตลอดจนคลังอะไหล่ ที่อ่อนนุช และคลังอะไหล่ จ.ระยอง
ด้านมาสด้า โดยนายมาซาฮิโร โมโร ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เดินทางมาประกาศแผนการลงทุนครั้งใหม่ ด้วยตนเอง โดยวางให้ไทยเป็นฐานการผลิต และส่งออกรถไฮบริดรุ่นใหม่ไปทั่วโลก จากโรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ จ.ระยอง
นายมาซาฮิโร โมโร เปิดเผยว่า มาสด้ากำลังเดินหน้าตามแผนพัฒนา xEVs ประกอบด้วยกลยุทธ์ 3 เฟส โดยเฟสที่ 1 เป็นการเตรียมความพร้อม เฟสที่ 2 การเปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจาก HEV, PHEV และ BEV จนถึงเฟสที่ 3 เป็นการแนะนำรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับประเทศไทย มาสด้าเร่งแผนในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าให้เร็วขึ้น โดยจะเปิดตัว ทั้ง BEV, PHEV, HEV ระหว่างปี พ.ศ. 2568-2570 ซึ่งปีนี้เริ่มจากการนำเข้า BEV รุ่น Mazda 6e มาจากประเทศจีน หลังจากนั้นจะผลิตรถเอสยูวีไฮบริดโกลบัล โมเดล จากโรงงานเอเอที ที่บริษัทจะลงทุน 5,000 ล้านบาท วางกำลังผลิต 1 แสนคันต่อปี เพื่อป้อนตลาดในประเทศ และส่งออกไปยังอาเซียน, ญี่ปุ่น
“ภายใน 3 ปีเราจะมีรถยนต์ไฟฟ้า BEV 2 รุ่น รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด 1 รุ่น และ ไฮบริด 2 รุ่น โดยรถที่ทำตลาดจะมีทั้งนำเข้าจากจีน เนื่องจากได้สิทธิประโยชน์ในการนำเข้า และนำเข้าจากญี่ปุ่น รวมไปถึงรถที่ผลิตจากโรงงานในไทย”
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แผนงานด้านอื่นๆของมาสด้าหลังจากนี้ จะเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิม ในส่วนของเครือข่ายโชว์รูม กรุงเทพฯ และปริมณฑล มี 19 แห่ง ต่างจังหวัดมี 65 แห่ง รวม 84 แห่ง ถือว่าสามารถรองรับลูกค้าของมาสด้าที่มีอยู่ประมาณ 2.5 แสนคัน
“ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยในปี 2568 คาดว่าจะดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยประเมินว่าจะมียอดขายรวม 5.7 - 6.0 แสนคัน ทั้งนี้ต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อาทิ ภาพรวมเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน การปล่อยสินเชื่อต่างๆ ในส่วนของมาสด้า จะยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด 2%” นายธีร์ กล่าวสรุป