ตลาดรถฝืด 5 แสนคัน ยอดจองมอเตอร์ เอ็กซ์โป ลุ้นเป็นตัวเลขจดทะเบียนจริงปี 2568
ตลาดรถยนต์สุดฝืด ต้องใช้เวลา 11 เดือน ถึงจะทำยอดขายข้าม 5 แสนคัน สถานการณ์สาหัสยอดร่วงทุกค่าย ไม่เว้น “บีวายดี” ที่ผงาดมา 10 เดือน ส่วนงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024 ปิดยอดจองรถยนต์กว่า 5 หมื่นคัน ลุ้นฝ่าด้านไฟแนนซ์ เปลี่ยนเป็นยอดจดทะเบียนปีหน้า
ยอดขายรถยนต์เดือนพฤศจิกายน 2567 ทำได้ 4.1 หมื่นคัน ส่งผลให้ตลาดรวม 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.67) อยู่ที่ประมาณ 5.18 แสนคัน ลดลง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ลุ้นยอดขายเดือนสุดท้ายของปี จะเติมมาอีกเท่าไหร่
ทั้งนี้ หลายบริษัทผู้ผลิตรถยนต์คาดว่า ยอดขายปี 2567 น่าจะต่ำกว่า 6 แสนคัน และถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 15 ปี ของตลาดรถยนต์ไทย โดยเซกเมนต์รถยนต์นั่งตกไป 20% ส่วนปิกอัพยอดร่วงถึง 40%
นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ปีนี้ อาจจะตกมาอยู่ที่ระดับไม่ถึง 6 แสนคัน จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยากลำบาก และผู้มีรายได้น้อยประสบปัญหาในการซื้อ โดยเฉพาะรถปิกอัพลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 2 แสนคัน หรือประมาณ 1.6 แสนคัน หากคิดเป็นสัดส่วนต่อยอดขายรถยนต์ทุกรุ่นในประเทศไทย คือ 30% ซึ่งถือว่าต่ำมาก
โตโยต้า สรุปสภาพตลาดที่ได้ความคิดเห็นจากสมาชิกในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ JCC (หอการค้าญี่ปุ่น กรุงเทพฯ) และ TAPMA (สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งประเทศไทย) ว่ามาจากการกู้ไม่ผ่าน และเศรษฐกิจประสบความยากลำบาก อันมีสาเหตุมาจากสัดส่วนหนี้ต่อครัวเรือนสูงถึง 90 % ดังนั้นเราต้องการให้รัฐบาลผ่อนผันเงื่อนไขการปล่อยกู้ และมีมาตรการช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อรถได้ง่ายขึ้น
“เรามองว่าการเพิ่มสัดส่วนหนี้ไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้น การออกมาตรการที่สร้างสมดุลระหว่างการซื้อรถได้ง่ายขึ้น และการไม่ก่อหนี้เพิ่มมากขึ้นเป็นสิ่งที่ยาก แต่อยากจะให้รัฐบาลพิจารณา เพราะจะเป็นการช่วยผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ด้วย” นายยามาชิตะ กล่าวสรุป
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาสถานการณ์ตลาดพบว่า ยอดขายติด ลบทุกค่ายรถยนต์แล้ว เพราะที่ผ่านมา 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.67) ยังมีบีวายดี เหลืออยู่รายเดียวที่ตัวเลขเป็นบวก จนกระทั่งมาร่วงในเดือนที่ 11 กับยอดจดทะเบียนสะสม 25,530 คัน ลดลง 3.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
สำหรับบีวายดี สามารถทำยอดขายขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 ของตลาดรวม ตามหลัง โตโยต้า อีซูซุ และ ฮอนด้า โดยช่วงต้นปีเคยตั้งเป้าหมายการขายในปีนี้สูงถึง 5 หมื่นคัน (จากการคาดการณ์ในช่วงต้นปี 2567 ว่าตลาดอีวีจะเกิน 1 แสนคัน)
ขณะเดียวกัน ประเทศไทย ถือเป็นตลาดที่บีวายดี ส่งออกรถจากจีนมาขายมากที่สุด รองจากบราซิล ส่วนโรงงาน จ.ระยอง ที่เพิ่งเปิดสายการผลิตเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ปัจจุบัน ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเกิน 1 หมื่นคันแล้ว
ส่วนงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024 ที่เพิ่งปิดฉากไปเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผู้จัดงานเผยมียอดจองกว่า 5 หมื่นคัน นำโดย โตโยต้า บีวายดี ฮอนด้า ไอออน เอ็มจี ดีพอล และจากยอดทั้งหมดเป็นของรถ EV 41%
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” หรือ มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024 เปิดเผยว่า ยอดจองรถยนต์ในงานปีนี้ 54,513 และจากข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม “ซื้อรถ...ชิงรถ” พบว่า มีผู้ร่วมกิจกรรมมากกว่าปีที่แล้ว โดยเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ (สันดาป, ไฮบริด และปลักอิน-ไฮบริด) 58.7 % และรถยนต์ไฟฟ้า EV 41.3 %
“ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ที่ขายได้ในงาน 1,259,928 บาท รถจักรยานยนต์เฉลี่ย 191,063 บาท เงินหมุนเวียนในงานราว 5.5 หมื่นล้านบาท ผู้เข้าชมงาน 1,426,044 คน”นายขวัญชัย กล่าวสรุป
ด้านแหล่งข่าวผู้บริหารค่ายรถยนต์ญี่ป่นรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ปกติยอดจองรถยนต์ในงานแสดงรถยนต์ใหญ่ๆ ไม่ได้สะท้อนเป็นยอดขายจริงทั้งหมด ที่ผ่านมายอดจอง เปลี่ยนมาเป็นยอดขายจริงถึง 50% หรือเปล่า? ยังไม่แน่ใจ แต่สามารถวัดได้ระดับหนึ่งกับยอดจดทะเบียนของกรมการขนส่งทางบก
อย่างยอดจองในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2024 จะกลายไปเป็นยอดจดทะเบียนในไตรมาสแรกปีหน้ากี่คัน เพราะหลายคนนิยมลากจดทะเบียนไปเป็นต้นปี ที่สำคัญความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ยังเป็นอุปสรรคกับตลาดรถยนต์ไทย ซึ่งปีหน้าตลาดรวมอาจจะทรงตัว เมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดว่าจะไม่เกิน 6 แสนคัน