ส่งออกรถยนต์ร่วง บาทแข็งซ้ำ สงครามยืดเยื้อ EV จีนผลิตไทยไม่หนุน

14 ต.ค. 2567 | 15:17 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ต.ค. 2567 | 15:27 น.

ตลาดในประเทศหดตัว ยอดส่งออกร่วง อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเผชิญทั้งศึกนอก ศึกใน ขณะเดียวกันการลงทุนตั้งโรงงานผลิต EV ของบรรดาค่ายรถจีน ที่ภาครัฐหวังให้เป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ในช่วงแรกยังไม่เห็นความชัดเจนโดยเฉพาะการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศพวงมาลัยขวา

สำหรับตลาดรวมในประเทศ 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.67) ปิดยอดขาย 4.3 แสนคัน ลดลง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าทั้งปีจะทำได้ประมาณ 6 แสนคัน(หรือต่ำกว่า) ซึ่งเป็นการขายที่ต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ของตลาดรถยนต์ไทย

 

ในขณะที่ตลาดในประเทศร่วง 25% ยอดส่งออกตก 4.9% สอดคล้องกับยอดผลิตรถยนต์ที่ยังลดลง 20% โดยเดือนมกราคม – สิงหาคม ที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 688,633 คัน ลดลง 4.94 % ดังนั้นการจะไปให้ถึงเป้าหมายสิ้นปีที่ 1.15 ล้านคัน ถือเป็นเรื่องยาก

 

นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) เปิดเผยว่า เงินบาทแข็งค่า และสงครามตะวันออกกลาง คาดว่าจะขยายวงกว้างขึ้น และจะส่งผลกระทบกับตลาดส่งออกของไทย และเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากตะวันออกกลางถือเป็นหนึ่งตลาดที่มีความสำคัญกับไทย

 

“เงินบาทที่แข็งค่า กระทบการส่งออกมาก เพราะลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อ และส่งผลในภาพรวมทำให้ความสามารถในการแข่งขันของเรากับคู่แข่งลดลง ขณะที่ผู้ประกอบการแต่ละรายในช่วงก่อนหน้านี้ก็ปรับตัวไม่ทัน ดังนั้น สมาคมฯจึงสะท้อนความคิดเห็นผ่านสภาอุตฯ ไปยังธนาคารแห่งประเทศไทยว่า ค่าเงินที่ลงแรงกระทบกับผู้ส่งออกอย่างไร ซึ่งในช่วงหลายวันที่ผ่านมาค่าเงินที่ปรับมาในระดับ 33 บาท ก็ถือว่าดีขึ้น แต่ถ้าถามว่าอยากให้อยู่ในระดับไหนที่รับได้ก็ต้องบอกว่าอยู่ที่ 34-35 บาท”

ด้านนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สงครามตะวันออกกลางในช่วงที่ผ่านมา หรือระยะหลังนี้ ขยายการสู้รบมากขึ้น ทำให้การส่งออกรถยนต์ และชิ้นส่วนเริ่มได้รับผลกระทบ โดยมีการส่งออกลดลงจากจำนวนเที่ยวเรือที่มารับลดลง และค่าขนส่งสูงขึ้น

 

“ตัวเลขการส่งออกที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาเรื่องพื้นที่ในการเดินเรือไม่เพียงพอและล่าช้า และปัญหาสิ่งสกปรกในท่าเรือที่ติดในรถกระบะที่เตรียมขับขึ้นเรือ ทำให้การผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกลดลง 12.92 % ซึ่งกระทบกับตลาดเช่น ออสเตรเลีย แอฟริกา ยุโรป และปัญหาสงครามอิสราเอลกับฮามาส ที่ขยายวงกว้าง เราต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” นายสุรพงษ์ กล่าว

 

ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งเป้ายอดผลิตรถยนต์ในประเทศปี 2567 เอาไว้ 1.7 ล้านคัน แบ่งเป็นส่งออก 1.15 ล้านคัน และผลิตเพื่อขายในประเทศ 5.5 แสนคัน