หลังจากแบรนด์รถจีน โอโมดา แอนด์ เจคู เพิ่งจะเปิดตัวสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมแนะนำรถใหม่ OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV ล่าสุดก็มีความเคลื่อนไหวของบริษัทฯแม่ของทั้งสองบริษัทอย่าง เชอรี่ ที่ได้ประกาศร่วมทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย
สำหรับเชอรี่ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นค่ายรถยักษ์ใหญ่ของจีน และเป็นบริษัทแม่ของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) โดยพวกเขาได้ผนึกกำลังร่วมกับ บริษัท คิงเจน จำกัด (มหาชน) ร่วมทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในไทย เพื่อผลิตรถยนต์ OMODA และ JAECOO ด้วยมูลค่าลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท โดยการจับมือกันครั้งนี้ จะมีกำลังการผลิตในเฟสแรก 50,000 คันต่อปี และภายในปี 2571 จะขยายเป็น 80,000 คันต่อปี โดยมีเป้าหมายทั้งขายตลาดในประเทศและส่งออกทั่วโลก พร้อมกันนั้นยังหวังผลักดันไทยขึ้นแท่นฮับ EV ของภูมิภาค
นายเฉิน ชุนชิง รองประธาน เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า Chery มีประสบการณ์ด้านยานยนต์ระดับโลกมากว่า 27 ปี ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก มีโรงงานในต่างประเทศกว่า 10 แห่ง พร้อมผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการมากกว่า 1,500 แห่ง รวมถึงมีศูนย์วิจัยและพัฒนาทุกภูมิภาคทั่วโลก
"เชอรี่ ขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรายใหญ่ที่สุดของจีนติดต่อกันมาถึง 22 ปี และเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยศักยภาพและการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง ประกอบกับความเชื่อมั่นในนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย Chery จึงตัดสินใจเข้ามาลงทุนโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย"
นายเฉิน ชุนชิง กล่าวเพิ่มเติมว่า การจับมือกับ KGEN ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ KGEN ที่แข็งแกร่ง จะช่วยตอกย้ำจุดยืนให้กับ Chery ในตลาดประเทศไทย
ขณะที่ นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและตั้งใจสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในประเทศไทย สำหรับการจับมือกับ KGEN เพื่อร่วมลงทุนสร้างโรงงานในครั้งนี้ จะเน้นผลิตรถไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่และไฮบริด
โดยเฟสแรกมีเป้าหมายการผลิตรถ JAECOO EV จำนวน 50,000 คัน ภายในปี 2568 และเฟสต่อมามีเป้าหมายผลิตรถ OMODA EV จำนวน 80,000 คัน ภายในปี 2571 สำหรับขายในประเทศ และส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง
"เรายังสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ด้วยการดูแลบริการหลังการขาย พร้อมทั้งให้บริการแก่ลูกค้าแบบครบวงจร ผ่านผู้จำหน่าย โอโมดา แอนด์ เจคู ทั่วประเทศทั้ง 23 แห่ง และจะขยายถึง 40 แห่งภายในปีนี้"
นางสาวพรทิพย์ ตรงกิ่งตอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงเจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN กล่าวว่า การร่วมทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ภายใต้ความร่วมมือกับ เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล ในครั้งนี้ทาง KGEN ถือหุ้น 60% ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการยานยนต์ไทย จากการลงทุนในอดีตที่บริษัทต่างชาติจะลงทุนเองทั้ง 100% ซึ่งเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของไทยจากการเป็นเพียงแหล่ง OME โดยการลงทุนครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท คาดว่าเฟสแรกจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2568 และจะขยายกำลังการผลิตในปี 2571
นอกจากการจำหน่ายในประเทศแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก โดยโรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในการส่งออก ที่สามารถรองรับการผลิตรถยนต์ทั้งพวงมาลัยขวาและพวงมาลัยซ้าย ซึ่ง โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายมุ่งยกกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้
"การขยายตลาดส่งออกจะเป็นส่วนสำคัญในการดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ประเทศตามเป้าหมายของรัฐบาล เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ KGEN และช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดยานยนต์ระดับโลก"