โตโยต้ามุ่งสู่การขับเคลื่อนที่หลากหลาย เปิดตัวกระบะสายพันธุ์ใหม่ในไทย

รูดม่านปิดฉากกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 หรือชื่อเดิมคืองาน Tokyo Motor Show โดยสาเหตุที่ต้องปรับเปลี่ยนชื่อก็เนื่องมาจากจะนำเสนอสิ่งที่มากกว่า “โตเกียว” กล่าวคือเป็นการจัดแสดงของ “ญี่ปุ่น” และอีกประการหนึ่งคือต้องการนำเสนอมากกว่า “รถยนต์” แต่หมายถึงทางเลือกด้านการขับเคลื่อนทุกรูปแบบ  โดยงานในปีนี้จัดขึ้นวันที่ 25 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน 2566 ณ Tokyo Big Sight ประเทศญี่ปุ่น

ไฮไลต์ภายในงาน ที่ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสแวะเวียนเข้าไปชมคือบูธ “โตโยต้า” ที่ปีนี้มาพร้อมธีม “Find Your Future” โดยขนรถต้นแบบ คอนเซปต์คาร์มาโชว์ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ในรุ่น “FT-3e” คอนเซปต์โมเดลแบบ SUV และ “FT-Se” คอนเซปต์โมเดลแบบรถสปอร์ต,คอนเซปต์โมเดล  “KAYOIBAKO” รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) รถขนส่งที่มีลักษณะทรงกล่อง, EPU รถกระบะคอนเซปต์คาร์, JUU รถเข็นวีลแชร์ไฟฟ้า, LAND CRUISER Se และ “IMV 0” Innovative International Multi-purpose Vehicle 0 (Zero) รถกระบะต้นแบบ

นายโคจิ ซาโต้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า สิ่งที่เราต้องการนำเสนอที่บูธโตโยต้า คือ อนาคตแห่งการขับเคลื่อนซึ่งมีความหลากหลาย เพราะมีผู้คนบนโลกอยู่จำนวนมหาศาล จึงมีคุณค่าและความต้องการที่แตกต่างกันมากมาย อนาคตไม่ใช่สิ่งที่คนๆ หนึ่งจะสามารถตัดสินใจได้ แต่เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องร่วมกันสร้างขึ้น และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบูธโตโยต้าจึงใช้ธีมว่า “Find Your Future”

การเข้าร่วมงานในครั้งนี้ นอกเหนือจากโชว์นวัตกรรมรถต้นแบบ สิ่งที่โตโยต้าอยากนำเสนอนั่นก็คือ คอนเซปต์ของการขับเคลื่อนผ่าน 3 เสาหลักได้แก่ การใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification) การสร้างความหลากหลาย (Diversification) และการเสริมความอัจฉริยะ  (Intelligence)

ภายใต้เสาหลักแรก คือการใช้พลังงานไฟฟ้า ที่หลายคนอาจจะรอคอยว่าเมื่อไรจะได้เห็น EV จากค่ายพี่ใหญ่ ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้ โตโยต้าระบุว่า พวกเขามุ่งนำเสนอในหลากหลายแนวทาง หรือ “Multi - Pathway” ผ่านการพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าและของภูมิภาค

เสาหลักที่สองของโตโยต้า การสร้างความหลากหลาย ในส่วนของภูมิภาคเอเชีย มีความหลากหลายในการใช้งาน ดังนั้นโตโยต้าก็จะสร้างทางเลือกเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ครอบคลุมในทุกระดับราคา และทุกเซกเมนท์ตั้งแต่รถยนต์ส่วนบุคคลไปจนถึงรถยนต์เพื่อการพาณิชย์

ยกตัวอย่างความตื่นเต้นที่คนไทยจะได้สัมผัสกันอีกไม่กี่วันข้างหน้า คือการเปิดตัว รถยนต์รุ่นใหม่ IMV 0 กระบะที่ออกแบบให้กับลูกค้าที่มองหารถที่มีราคาสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย และตัวรถสามารถปรับแต่งได้หลากหลาย  ช่วยแก้ปัญหาด้านการเข้าถึงการขับเคลื่อนและมาตรฐานชีวิตลูกค้ากลุ่มต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น โดยโตโยต้า จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่นี้ในไทยวันที่ 27 พ.ย.2566

เสาหลักสุดท้าย การเสริมความอัจฉริยะ ด้วยการใช้เทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ การวิเคราะห์ข้อมูล โดยโตโยต้าพัฒนาทางเลือกใหม่ด้านการเดินทาง และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง  เช่น การแนะนำพฤติกรรมของผู้ขับขี่ การติดตามการโจรกรรม หรือการหาข้อมูลเส้นทางที่ดีที่สุด

โดยทางเลือกใหม่ๆ เหล่านี้ยังสามารถบูรณาการเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานได้ เช่น วงจรการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ อย่างเช่น สัญญาณไฟจราจร ซึ่งโตโยต้า ตระหนักดีว่าการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในส่วนของยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์จะมีส่วนสำคัญในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอน

ท้ายที่สุดการใช้พลังงานไฟฟ้า-การสร้างความหลากหลาย- และการเสริมความอัจฉริยะ องค์ประกอบทั้งสามส่วนนี้จะต้องทำงานร่วมกันเป็นระบบนิเวศแบบบูรณาการเพื่อตอบโจทย์ด้านความเป็นกลางของคาร์บอน และความคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไป

นายซาโต้ กล่าวว่า อนาคตที่รออยู่ข้างหน้าในการใช้พลังงานไฟฟ้า การเสริมความอัจฉริยะ และการสร้างความหลากหลาย ตามที่อธิบายไว้ในการขับคลื่อนทั้ง 3 รูปแบบ มันมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันทุกรูปแบบ คืออนาคตแห่งการขับเคลื่อนจะขยายคุณค่าให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของพวกเรา

“นั่นคือเหตุผลที่ภารกิจของเราที่โตโยต้า คือการมอบทางเลือกที่หลากหลาย เชื่อมโยงกับชีวิตของลูกค้าทั่วโลก เราเชื่อว่านี่คืออนาคตที่โตโยต้าควรตั้งเป้าหมายไว้ให้มั่น ยํ้าอีกครั้ง ผมเชื่อว่าอนาคตคือสิ่งที่เราทุกคนจะร่วมกันสร้างขึ้น และผมอยากจะทำให้อนาคตดีกว่าเดิม หากเราทุกคนร่วมมือกันด้วยความตั้งใจและความมุ่งมั่น ภาพในอนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน” นายซาโต้ กล่าว