ไมซ์สเตอร์ เทคนิค ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์อาวดี้อย่างเป็นทางการในประเทศ ไทย ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 7 ปัจจุบันมีรถยนต์ทำตลาดมาก กว่า 30 รุ่นย่อย ราคาตั้งแต่ 2 ล้านกว่าบาท (Audi A3) ไปจนถึง 12 ล้านบาท (Audi RS Q8) โดยรถยนต์รุ่นขายดีคือ Audi TT, Audi A5 และ Audi Q7 ขณะที่ยอดขาย 3 ปีหลังเติบโตต่อเนื่อง ด้วยตัวเลข 1,000-1,500 คันต่อปี
ปัจจุบันรถยนต์อาวดี้ในไทยไม่มีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลทำตลาดแล้ว และจากนี้ไปรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด และพลังงานไฟฟ้า 100% EV จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทแม่ที่เยอรมนี
สำหรับ อาวดี้ เอจี เยอรมนี ประกาศกลยุทธ์ Vorsprung 2030 มุ่งสู่ยานยนต์ไฟฟ้าไว้อย่างชัดเจน โดยรถที่ใช้เครื่องยนต์ล้วนๆ (I.C.E) จะ เปิดรุ่นสุดท้ายในปี 2027 เพื่อมุ่งหน้าสู่อนาคต EV เต็มตัว
ประเทศไทยที่บริษัทแม่ อาวดี้ เอจี ไม่ได้เข้ามาลุยธุรกิจด้วยตนเอง 100% แต่ไมซ์สเตอร์ เทคนิค วางแผนงานของโปรดักต์ เรื่องการขาย และกลยุทธ์บริการหลัง การขายในช่วง 2-3 ปีนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ EAP
E คือ Electrification ปรับธุรกิจเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า ส่วน A คือ After sales service การพัฒนาบริการหลังการขายอย่างเข้มข้น และ P คือโปรดักต์ ที่เป็นรถนำเข้าแต่วางราคาให้เข้าถึงได้ง่ายทั้งกลุ่มรถบ้าน รถพลังงานไฟฟ้า และรถสมรรถนะสูงตระกูล RS
นายกฤษฎา ลํ่าซำ ประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการบริหาร อาวดี้ ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทนำเสนอรถยนต์ CBU ที่สมรรถนะดีมากๆ มีความแตกต่างไม่เหมือนใคร และมาในราคาจับต้องได้ สามารถแข่งขันกับคู่แข่ง ภายใต้การสนับสนุนของอาวดี้ เอจี
“เราพร้อมรองรับการมาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV, PHEV) ซึ่งจากวันนี้จนถึงปี 2025 จะเปิดตัวรวม 20 รุ่น และภายในปีนั้นการขายรถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วน 80% ของทั้งพอร์ต”
ด้านโชว์รูม-ศูนย์บริการ เตรียมเปิดเพิ่มอีก 3 แห่ง เริ่มจาก จ.นครราชสีมา ในเดือนสิงหาคมนี้ และปลายปีที่เชียงใหม่ (เดิมเป็นศูนย์บริการเล็กๆ) และภายในไตรมาสแรกปีหน้าจะมีที่หาดใหญ่ จ.สงขลา รวมแล้วจะมีถึง 9 แห่งภายในต้นปี 2024
ส่วนการบริการหลังการขาย เตรียมลงทุนด้านคลังอะไหล่ให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว และศูนย์บริการของอาวดี้ จะขยายเวลาทำงานเป็น 7 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม ใน 7 วันต่อสัปดาห์ เพื่อรองรับกับลูกค้าอาวดี้ที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันโชว์รูม-ศูนย์บริการ บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ (ของไมซ์สเตอร์ เทคนิค เอง) จะทำเป็น EV Spacialized Center ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
ล่าสุดเปิดตัว Audi Q8 e-tron ในรูปแบบคือเอสยูวีและสปอร์ตแบ็ค รวม 4 รุ่นย่อย โดยรุ่นเริ่มต้น e-tron 50 quattro ระยะทางวิ่ง 530 กม. ราคา 4.699 ล้านบาท และตัวท็อป Sportback e-tron 55 quattro S line Black edition ระยะทางวิ่ง 636 กม. ราคา 5.799 ล้านบาท
“กลุ่มของรุ่น e-tron 55 สามารถส่งมอบได้ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ ส่วนรุ่น e-tron 50 จะเริ่มต้นปีหน้า” นายกฤษฎา กล่าวสรุป
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron และรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด TFSI e ใหม่ทุกรุ่น จะได้การรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร พร้อม Audi Protection รับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี
ทั้งนี้ EV Spacialized Center ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จะเป็นศูนย์กลางในการให้บริการลูกค้าเกี่ยวกับแบตเตอรี่แรงดันสูง เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า และการซ่อมบำรุง ซึ่งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนของอาวดี้ ถูกผลิตขึ้นมาในรูปแบบของแบตเตอรี่โมดูล (Battery Module) และสามารถทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่เฉพาะ Module ที่เสียหายได้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงของลูกค้า (ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งแพ็ก)