นโยบายหนุนรถยนต์ EV 3.5 เคว้ง รอลุ้นรัฐบาลใหม่สานต่อ

"รถยนต์ไฟฟ้า" (EV) ถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล ผ่านการส่งเสริมให้เกิดการผลิต และการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ พร้อมทั้งได้กำหนดเป้าหมายเอาไว้อย่างชัดเจน นั่นคือ นโยบาย 30@30 หรือการผลิตรถ ZEV หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2030 หรือ พ.ศ. 2573 

ทั้งนี้เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกหรือศูนย์กลางของภูมิภาค (EV Hub)

ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในด้านสิทธิประโยชน์และภาษีของรถ EV เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย เดินหน้าเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าสู่กลุ่มประเทศอาเซียน พร้อมกับตั้งเป้าให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท รวมกว่า 1.05 ล้านคันภายในปี 2568

หวังรัฐบาลใหม่สานต่อมาตรการ EV

อย่างไรก็ตามด้วยมาตรการส่งเสริมต่าง ๆ ที่ออกมาจากรัฐบาลผ่านคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ บอร์ด EV ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปหลายอย่างแล้ว และตอนนี้มาตรการเดิมกำลังจะสิ้นสุดระยะเวลามาตรการในปี 2566 ทำให้รัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการใหม่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต 

ล่าสุด นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ชุดมาตรการสนับสนุนรอบใหม่ หรือ EV 3.5 แม้จะผ่านบอร์ด EV มาแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเสนอครม.อนุมัติทันรัฐบาลนี้ เพราะใกล้จะยุบสภา แต่ก็มั่นใจว่า รัฐบาลใหม่คงต้องผลักดันมาตรการนี้เป็นมาตรการแรก ๆ เพราะจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ และประชาชนส่วนใหญ่ก็ได้ประโยชน์

“มาตรการส่งเสริมชุดใหม่นั้นจะมีความต่อเนื่องไปถึงปี 2568 หลังจากได้ฟังความคิดเห็นจากค่ายรถยนต์ที่ต้องการลงทุนในประเทศไทย จึงต้องการให้มีมาตรการต่อเนื่อง และสิ่งที่รัฐบาลทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาในเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ดีมากที่พรคการเมืองต่าง ๆ สามารถเอาไปทำต่อได้” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

เอกชนหลายรายต่อคิวลงทุน

รองนายกฯ ระบุด้วยว่า การส่งเสริมรถยนต์ EV ในปัจจุบัน เห็นผลเป็นรูปธรรมเป็นอย่างมาก ล่าสุดได้รับการแจ้งจากคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ว่า สัปดาห์ก่อรมีผู้ผลิตรถอีวีสองค่าย คือ เนต้า (NETA) และบีวายดี (BYD) ได้วางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโรงงานผลิตรถอีวีในประเทศไทยแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จ 1-2 ปีต่อจากนี้ 

ขณะเดียวกันยังมีค่ายรถยนต์อีกหลายค่ายที่เตรียมเข้ามาก่อสร้างโรงงานในประเทศไทยทั้งโรงงานผลิตและโรงงานประกอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่จะเข้ามาสนับสนุนการใช้รถ EV ในประเทศเพิ่มมากขึ้น