สรรพสามิตเพิ่ม “ไทยฮอนด้า” เข้าพอร์ตรถ EV อีก 1 ราย

25 ต.ค. 2565 | 18:57 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ต.ค. 2565 | 01:57 น.

กรมสรรพสามิตเดินหน้าหนุนใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพิ่ม “ไทยฮอนด้า” ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เข้าพอร์ตอีก 1 ราย ได้รับสิทธิประโยชน์จากภาษีสรรพสามิต อัตราภาษีตามมูลค่า 1% พร้อมเงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคัน

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม กรมสรรพสามิตได้ลงนามข้อตกลงตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าระหว่างกรมสรรพสามิตกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์เพิ่มอีก 1 ราย คือ บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต

บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด จะได้รับสิทธิประโยชน์จากภาษีสรรพสามิตอัตราภาษีตามมูลค่า 1%  และเงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคัน สำหรับการนำเข้ารถจักรยานยนต์แบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) ในปี 2565 - 2566 และผลิตรถจักรยานยนต์ BEV ในปี 2565 - 2568

รถจักรยานยนต์ BEV ที่เข้าร่วมมาตรการฯ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

  1. ต้องเป็นแบตเตอรี่ประเภทลิเธียมไอออน
  2. มีความจุแบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 KWh ขึ้นไป หรือมีระยะทางที่วิ่งได้ตั้งแต่ 75 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WMTC (World Motorcycle Test Cycle) ตั้งแต่ Class 1 ขึ้นไป
  3. ต้องใช้ยางล้อที่เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก. 2720-2560 (UN Reg.75) หรือที่สูงกว่า (UN Reg.75)
  4. ต้องผ่านการทดสอบความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม เลขที่ มอก. 2952-2561 (UN Reg.136) หรือที่สูงกว่า

 

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความประสงค์ผลิตรถจักรยานยนต์ BEV ในประเทศและขอรับสิทธิ จำนวน 1 รุ่น คือ รุ่น BENLY e ในอีก 6 เดือนต่อจากนี้ ในขั้นต้นคาดว่าจะมีการผลิตประมาณ 200 คัน

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าว ทำให้มีผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้นำเข้าลงนามในข้อตกลงกับกรมสรรพสามิตแล้ว 10 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้นำเข้ารถยนต์ 7 รายและรถจักรยานยนต์ 3 ราย คาดว่า จะมียอดจองและยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ขอรับสิทธิตามมาตรการฯภายในสิ้นปี 2565 รวมทั้งสิ้นกว่า 25,000 คัน

 

นอกจากนั้น จะมีผู้ประกอบอุตสาหกรรม/ผู้นำเข้ารถยนต์ที่สนใจทยอยเข้าร่วมลงนามเพิ่มขึ้นอีกในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งจะส่งผลให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ BEV มีราคาลดลงและสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภค หันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น

 

“มาตรการนี้จะช่วยส่งผลดีทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นการสนับสนุนเป้าหมายของประเทศในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักที่กรมสรรพสามิตให้ความสำคัญและจะขับเคลื่อนอย่างจริงจังต่อจากนี้”นายเอกนิติกล่าว