สถาบันยานยนต์-สวทช.ร่วมศึกษามาตรฐานการทดสอบรถEV

24 มิ.ย. 2564 | 05:00 น.

สถาบันยานยนต์ ผนึก สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือมาตรฐานการทดสอบยานยนต์ไฟฟ้าของไทย

สถาบันยานยนต์ (สยย.)ร่วมกับ สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.)ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านการศึกษามาตรฐานการทดสอบยานยนต์ไฟฟ้า โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ถึง วันที่ 1 เมษายน 2567


สำหรับการจับมือร่วมกันในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นผลจากองค์ความรู้ของหน่วยงานทั้งสองที่จะนำมาใช้ในห้องปฏิบัติการทดสอบได้จริงในอนาคต  อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยมาเป็นระยะเวลานาน โดยมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งด้านการลงทุน การสร้างมูลค่าเพิ่ม การจ้างงาน และสนับสนุนการเติบโตสู่อนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง


ประกอบกับการกำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลใช้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต โดยมุ่งเน้นพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า
 

ทั้งนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่าง สยย. กับ สวทช. ด้วยการจัดให้มีการบรรยายทางวิชาการ การจัดฝึกอบรม การศึกษาดูงานในหัวข้อและโอกาสที่เหมาะสม จัดทำโครงการศึกษาโดยเน้นกิจกรรมที่ส่งผลเป็นรูปธรรมลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริงในรูปแบบต่างๆ เช่น การทดสอบ การสอบเทียบเครื่องมือวัดตลอดจนการใช้ทรัพยากรในรูปแบบที่ สยย. กับ สวทช. เห็นชอบร่วมกัน เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านมาตรฐานการทดสอบยานยนต์ไฟฟ้า 


รวมทั้งยังมีการร่วมกันดำเนินงานด้านวิชาการในรูปแบบต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ แก่ทั้งสองฝ่าย ร่วมกันจัดหาและสนับสนุนทรัพยากร เช่น บุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ สำหรับใช้ในการดำเนินงานภายใต้บันทึกข้อตกลง มีการแลกเปลี่ยน และเสริมสร้างความรู้ประสบการณ์และข้อมูลทางวิชาการรวมทั้งจัดฝึกอบรมและสัมมนาระหว่างบุคลากรทั้งสองฝ่าย เพื่อพัฒนาบุคลากรของทั้งสองฝ่าย และยังส่งเสริมความสัมพันธ์ในการพัฒนาโครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างกันอีกด้วย
 

นายพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์  เปิดเผยว่า การจับมือร่วมกันในครั้งนี้ คาดว่าจะเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ทำไปสู่การพัฒนามาตรฐานการทดสอบยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจในด้านคุณภาพและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าไทย และสามารถสร้างความเข้มแข็งในการแข่งขันอุตสาหกรรมยายนต์ไทยในอนาคตอีกด้วย