ลำปาง จัดว่าเป็นเมืองน่าเที่ยว เราจะพาไปเปิดพิกัดที่เที่ยวเมืองลำปางสุดปัง ยิ่งถ้ามารับลมหนาวด้วยแล้วจะฟินเป็นพิเศษ
เชื่อว่าหลายคนที่เคยไปเที่ยวลำปาง ต้องไปเช็คอินกันที่ “วัดพระธาตุดอยพระฌาน” วัดสวยบนยอดดอย ใน อ.แม่ทะ ไหว้พระใหญ่ไดบุทสึ องค์ใหญ่
พระพุทธรูปประทับนั่งธยานมุทรา (ปางสมาธิ) หน้าตัก 14 เมตร เนื้อทองแดง ประดิษฐานโดดเด่นอยู่บนเนินเขา จำลองมาจากวัดพระใหญ่ไดบุทสึ แห่งวัดโคโตคุ เมืองคามาคุระ ประเทศญี่ปุ่น จัดเต็มซุ้มประตูโทริอิ ป้ายขอพร (เอมะ) โคมไฟแขวน ฟีลเหมือนบินไปมูถึงญี่ปุ่นเลย
ขณะที่อีกฝั่งจะเป็นวัดไทย งดงามด้วยพุทธศิลปะสไตล์ล้านนา หรือ วิหารพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐาน “สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณ พิชิตมารวิกรม ปฐมสัมมาสัมโพธิญาณ ศรีพระฌานบรรพต” พระประธานในซุ้มเรือนแก้วสีทอง บานประตูวิหารแกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรเป็นรูปพญานาคกระหวัดเกี่ยวรอบองค์พระธาตุสีขาว
เรายังมองเห็นพระธาตุสีขาวโดดเด่น ปลียอดและฉัตรสีทอง เป็นองค์พระธาตุที่มีมาแต่ดั้งเดิม ด้านหลังวิหารมีภาพปูนปั้นลายต้นโพธิ์สีทอง เราจึงสามารถดื่มด่ำศิลปกรรมของวัดไทยและวัดสไตล์ญี่ปุ่นมารวมอยู่ในที่เดียวกัน
ไฮไลท์ของวัดนี้ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยไปสัมผัส คือ การเดินทางไปชมทะเลหมอก บริเวณยอดดอยด้านฝั่งวัดไทย การได้อาบแสงแรกของวัน ท่ามกลางสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ดีต่อใจมาก ยิ่งได้ลมหนาวโชยมาด้วยแล้ว ใช่เลย ถ้าอยากเห็นทะเลหมอก ต้องมาถึงก่อน 07.00 น. ซึ่งวัดจะเปิดตั้งแต่เวลา 06.00 น.
มาเที่ยวทะเลหมอกที่นี่สบายมาก มาถึงวัดก็จะมีคิวรถไว้บริการไป-กลับ จ่ายค่ารถ 20 บาท นำเราขึ้นไปชมทะเลหมอกชิลๆ ไม่ต้องเดินขึ้นเขาเหนื่อยแทบตายกว่าจะเห็นทะเลหมอก เพียงแค่ยอมตื่นเช้าหน่อยเท่านั้น
หรือถ้าใครอยากวัดกำลังขาตัวเอง ก็สามารถเดินชมวิวไปเรื่อย ๆ มีบันไดประมาณ 600 ขั้น ช่วงหนาวๆแบบนี้ ก็เดินสบาย ๆ
หลังชมทะเลหมอกเสร็จก็ต่อด้วยการไปไหว้พระในวิหาร และไหว้พระใหญ่ไดบุทสึสุดอลังการ มาที่เดียว เที่ยวครบจบ ได้ทั้งบรรยากาศมูแบบไทยและญี่ปุ่นกันเลย
ใครเกิดปีฉลู ถ้ามาเที่ยวลำปาง ต้องแวะไป “วัดพระธาตุลำปางหลวง” พิกัด ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา เพราะเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู โดยเริ่มสร้างในปีฉลู และเสร็จสิ้นในปีฉลู เช่นเดียวกัน ถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาแต่โบราณ ตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่มากมาย เราเกิดปีฉลูด้วยไม่มีพลาดอยู่แล้ว ต้องแวะไหว้ขอพรแน่นอน
พระธาตุลำปางหลวง สวยมาก ฐานเป็นบัวลูกแก้ว ส่วนองค์พระธาตุเป็นทรงกลมแบบล้านนา ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ มีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่างๆ ลักษณะเจดีย์เป็นต้นแบบของพระธาตุหริภุญไชยและพระบรมธาตุจอมทอง
นอกจากนี้วัดพระธาตุลำปางหลวง ยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระแก้วดอนเต้า” (พระแก้วมรกต) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะล้านนา สลักด้วยหยกสีเขียว โดยจะมีการจัดงานนมัสการพระแก้วดอนเต้าในวันเพ็ญเดือน 12 ของทุกปี
อีกหนึ่งไฮไลต์เมื่อมาที่วัดแห่งนี้ คือ การได้ชม มหัศจรรย์เงาพระธาตุ ซึ่งทั้งผู้หญิงและผู้ชายสามารถเข้าชมได้ ยกเว้นการได้ชมพระวิหารในมุมกลับ ที่จะเข้าไปชมได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น และด้วยความที่วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดสำคัญของลำปาง จึงไม่แปลกที่คนที่ไม่ได้เกิดปีฉลู ที่มาเที่ยวเมืองลำปาง ต่างก็หลั่งไหลมาสักการะพระธาตุที่นี่
การได้แช่น้ำพุร้อนธรรมชาติ ท่ามกลางความหนาว รีทรีตร่างกายไปเต็มๆ ไหนๆ มาลำปาง เลยต้องแวะแช่ออนเซ็น กันที่ “อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน” ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน ลักษณะน้ำพุร้อนของที่นี่ จะผุดจากบ่อเล็ก ถึง 9 บ่อ ในบริเวณราว 3 ไร่ ซึ่งเต็มไปด้วยโขดหินน้อยใหญ่
เราจึงเห็นหลายคนขนไข่กันมาเป็นแพ็คๆ เพื่อมาต้มในบ่อแช่ไข่ ใครอยากทานไข่น้ำแร่ต้องมาต้มไข่ที่นี่และกินกันสดๆจะได้ไข่ออนเซ็นรสละมุน
สำหรับเราชอบมากที่สุด คือ การแช่น้ำพุร้อน ลานน้ำพุร้อนที่นี่มีโซนสำหรับให้นั่งแช่เท้าโดยเฉพาะ และโซนสำหรับแช่ตัวด้วย แนะนำว่าให้แช่ช่วงเช้า ๆ ประมาณ 06.00-08.00 น. ยิ่งช่วงหน้าหนาวจะมีหมอกหนาเป็นพิเศษมาทักทาย
ด้วยความที่เรามาเป็นครอบครัวและอยากได้ความเป็นส่วนตัว เราเลยเลือกออนเซ็นในห้องส่วนตัว อ่างใหญ่มากแช่ได้พร้อมกัน 4 คนเลย ราคาจับต้องได้เขาคิดคนละ 50 บาท ธรรมชาติบำบัดมันดีแบบนี้เอง
แช่น้ำพุร้อนเสร็จ ก็แวะเที่ยวน้ำตกกันต่อ โดยเฉพาะ “น้ำตกแจ้ซ้อน” มีทั้งหมด 6 ชั้น ล้อมรอมด้วยต้นไม้เขียวขจี น้ำไหลเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และภายในอุทยานฯยังมีลานแคมปิ้ง และบ้านพัก ไว้บริการเอาใจสายแคมปิ้งด้วย
ภาพเจดีย์ขาวสูงเสียดฟ้า เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวอันซีนของไทย ที่อยู่ในลำปาง ดึงดูดให้เราต้องปักหมุดไปที่ "วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส" ต.วิเชตนคร อ.แจ้ห่ม หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า "วัดเจดีย์ลอยฟ้ายอดดอยพระบาท”
การจะไปเที่ยวที่นี่ได้ บอกเลยว่าร่างกายต้องพร้อม เพราะเดินขึ้นเหนื่อยเอาการ เมื่อมาถึงวัดจะมีคิวรถ ให้เรานั่งปิคอัพขึ้นเขาไปราว 3.5 กิโลเมตร ต่อด้วยการเดินอีก 840 เมตร เพื่อขึ้นเขาหินปูนไปชมเจดีย์ โดยจุดที่โหดสุด คือ การเดินขึ้นบันไดเหล็ก 500 เมตรถึงยอดเขา ซึ่งต้องเดินขึ้นตลอดในเส้นทางที่มี
ความชันตั้งแต่น้อยไปถึงมาก ระหว่างทางเดินขึ้นเขาก็มีศาลาให้เราแวะนั่งพักเป็นจุดๆ และพรรณไม้ป่าเบญจพรรณให้เราชมระหว่างทาง เดินไปพักไปใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็ถึงยอดเขา
โอโห! หายเหนื่อยเลย กับภาพความงดงามของพระธาตุสีขาวเรียงรายอย่างสวยงามมากกว่า 10 องค์ ตั้งอยู่บนยอดเขาหลายจุดสร้างลดลั่นตามไหล่เขา ภายในเจดีย์บรรจุสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่ชาวบ้านเคารพบูชา ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาที่มีความสูง 815 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นสิ่งศักดิสิทธิ์ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดลำปาง
มาแล้วต้องแวะกราบพระประธานบนยอดเขา และรอยพระพุทธบาท บนยอดเขา พร้อมๆไปกับชมวิวภูเขาเขียว มองเห็นไปถึงตัวอำเภอแจ้ห่ม ตัวอำเภอเมืองปาน แม่น้ำวัง และแม่น้ำสอย ขนานไปกับท้องนาสีเขียวอย่างสวยงาม ในมุมมอง 360 องศา
บอกเลยว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งแห่งหนึ่ง ยิ่งในฤดูหนาว ยังมองเห็นปรากฏการณ์ทะเลหมอกปกคลุมยอดเขาสูง บอกเลยต้องเห็นด้วยตากับ ‘เจดีย์ลอยฟ้า’ สวยงดงามราวกับสรวงสวรรค์ แลคล้ายดินแดนลอยฟ้า
ส่วนใครชอบสวนดอกไม้ ทุ่งดอกไม้ ลำปางก็มีแลนด์มาร์กใหม่ อย่าง "ไร่ห่มฟ้า" ต.แจ้ห่ม อ.แจ้ห่ม ซึ่งตอบโจทย์ครบทั้งที่เที่ยวที่กิน ช้อปปิ้งและที่พัก เนื่องจากที่นี่เป็นคอมมูนิตี้วิวสวยที่ ในบรรยากาศธรรมชาติทิวเขาและทุ่งดอกไม้
ที่นี่คือมุมพักผ่อนหลายจุดด้วยกัน ด้วยพื้นที่กว่า 50 ไร่ จะนั่งเล่นชิลๆ เดินเล่น ปั่นจักรยานไปเที่ยวตามโซนต่างๆก็ฟิน
ทั้งโซนแปลงดอกไม้ต่าง ๆ โซนหุ่นฟางคิงคองยักษ์ใต้ต้นไม้ใหญ่ โซนดูควาย ที่ทางไร่เลี้ยงไว้เดินเล่นกินหญ้า กระท่อมในทุ่งกว้าง ที่นี่ยังมีหอดูนก ชมสัตว์ที่เป็นหอคอยสูง และขึ้นไปนั่งรับลมและชมวิวทุ่งดอกไม้จากมุมสูงได้อีกด้วย
รถม้าเป็นสัญลักษณ์หรือเอกลักษณ์อีกหนึ่งอย่างของนครลำปาง เราพลาดได้ไง กับนั่งรถม้าเที่ยวชมเมือง โดยมีรถม้าคันแรกของจังหวัดลำปางเป็นของเจ้าบุญวาทย์ วงศ์มานิต เจ้าผู้ครองนครลำปาง หลังจากนั้นรถม้าจึงเริ่มมีแพร่หลายทั้งในลำปางและตามเมืองหลักต่าง ๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปความเจริญของเทคโนโลยีการคมนาคมทำให้รถม้าค่อย ๆ เลือนหายไป เหลือแต่เพียงที่จังหวัดลำปางเท่านั้นที่ยังคงใช้รถม้าเป็นยานพาหนะอยู่มาจนปัจจุบัน
หากเราจะเรียนรู้วิถีชีวิตของคนเลี้ยงม้า แวะไปได้ที่ “บ้านม้าท่าน้ำ” ชุมชนท่ามะโอ ที่นี่เราจะเรียนรู้กิจกรรมศูนย์การเรียนรู้บ้านม้าท่าน้ำหลากหลาย ตั้งแต่ การนั่งรถม้าชมเมืองลำปาง
โดยจะมีเส้นทางให้แวะเที่ยวหลายที่ล้วนเป็นจุดไฮไลท์ ไม่ว่าจะเป็น “บ้านหลุยส์” บ้านเก่าสไตล์โคโรเนียลอายุ 120 ปี บ้านหมายเลขที่ 1 สะพานรัษฎาภิเศก แลนด์มาร์คของลำปาง
นอกจากนี้ยังมีการแสดงฟ้อนดาบฟ้อนเจิง อาบน้ำม้า ตีเกือกม้า เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของสะสมบ้านม้าท่าน้ำ และกิจกรรม Workshop DIY บ้านม้าท่าน้ำ รับรองเข้าถึงวิถีคนเลี้ยงม้าแน่นอน อยู่ยาวๆไปได้ครึ่งวันเลย
ถ้ามีเวลาน้อย แต่อยากนั่งรถม้าชมเมืองรอบสั้นๆ มีจุดไฮไลท์นั่งรถม้าที่น่าสนใจอยู่หลายจุด อย่าง หน้าพระธาตุลำปางหลวง เส้นทางลัดเลาะเลียบแม่น้ำวัง หรือเที่ยวในตัวเมืองลำปาง นั่งรถม้าชมบ้านเก่า 3 ย่านในจังหวัดลำปาง ได้แก่ ย่านท่ามะโอ ย่านกาดกองต้า และย่านสบตุ๋ย
ส่วนช่วงเวลากลางคืนก็จะมีบริการรถม้าชมความสวยงามของการประดับตกแต่งไฟ 2 ย่าน ได้แก่ ย่านกาดกองต้าและย่านสบตุ๋ย สะดวกแบบไหนเลือกได้ตามสะดวก
ลำปางเมืองน่าเที่ยว เมืองเล็กๆ ที่ต้องลองไปสักครั้ง แล้วจะหลงรัก