GCNT ตั้ง สถาบันธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ยกระดับไทยสู่ศูนย์อบรมเอเชียแปซิฟิก

06 ส.ค. 2565 | 11:43 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ส.ค. 2565 | 18:59 น.

GCNT ผนึกพันธมิตร ตั้ง “สถาบันธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน” ยกระดับไทยสู่ศูนย์อบรมสำหรับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมให้ความรู้ สร้างความเข้าใจหลักการและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสม

ดร.เนติธร ประดิษฐ์สาร รองเลขาธิการสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (GCNT : Global Compact Network Thailand) เปิดเผยว่า GCNT ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับพันธมิตรจากหลายภาคส่วน ได้แก่ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (United Nations Development Programme – UNDP) จัดตั้ง “สถาบันธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (BHR Academy : Business and Human Rights Academy)” เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในประเด็นสิทธิมนุษยชนสำหรับองค์กรธุรกิจ และพัฒนาศักยภาพในการนำหลักการและแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนที่ดีไปใช้ให้เกิดผลได้จริง หวังผลักดันเป็นศูนย์กลางการอบรมสำหรับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

GCNT ตั้ง สถาบันธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ยกระดับไทยสู่ศูนย์อบรมเอเชียแปซิฟิก

สมาคมฯ ตั้งใจที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNGPs :UN Guiding Principles on Business and Human Rights) และแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของไทย รวมทั้ง เล็งเห็นว่าการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชน เป็นประเด็นท้าทายของภาคเอกชนที่นับวันจะทวีความสำคัญยิ่งขึ้น แต่ภาคเอกชนส่วนใหญ่ยังขาดแหล่งข้อมูล

การเสริมสร้างสมรรถนะในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ พื้นที่สำหรับการเรียนรู้ และที่ปรึกษาด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เป็นข้อต่อสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของภาคเอกชน จึงหวังว่า สถาบันธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (BHR Academy) จะตอบโจทย์ความท้าทายนี้ และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม โดยเป็นพื้นที่ให้ภาคธุรกิจได้แลกเปลี่ยนพูดคุย  หาทางออก  และทำความเข้าใจกับองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้ประเด็นสิทธิมนุษยชน ไม่เป็นเรื่องไกลตัวสำหรับภาคธุรกิจอีกต่อไป พร้อมทั้งจะผลักดันให้สถาบันฯ เป็นศูนย์กลางการอบรมสำหรับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ด้วย

 

“การบริหารจัดการประเด็นทางสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรกระทำตามหลักการดำเนินธุรกิจอย่างมีบรรษัทภิบาลแล้ว ยังจะช่วยให้องค์กรธุรกิจได้รับการยอมรับ ลดความเสี่ยง ทั้งด้านการปฏิบัติการ ด้านชื่อเสียงและกฎหมาย และเปิดโอกาสทางธุรกิจ เข้าถึงตลาด บุคลากร และแหล่งเงินทุนได้กว้างขึ้น” ดร. เนติธร กล่าว

นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม  กล่าวว่า การจัดตั้ง BHR Academy ถือเป็นการขับเคลื่อนแผนปฎิบัติการระดับชาติไปสู่ภาคธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี GCNT เป็นแกนหลักร่วมกับพันธมิตร  โดยต่อไปจะต้องเน้นการขับเคลื่อนไปในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อย เพื่อให้นักธุรกิจได้รับรู้ถึงแนวโน้มของโลก และให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยความเคารพสิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐาน โดยเป้าหมายต่อไปของกรมฯ คือ การจัดทำแผนระยะที่ 2 และประกาศใช้ให้ทันปี 2566-2570 เพื่อส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพในทุกระดับ

ด้านนายพิทักษ์พล บุณยมาลิ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ภาคีเครือข่ายมีความสำคัญและเป็นหัวใจของการทำงานเรื่องนี้ โดยสิ่งที่เป็นปัญหาและอุปสรรคใหญ่ คือ คนยังไม่รู้และไม่เข้าใจว่าทำแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร มีค่าใช้จ่ายหรือไม่ ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว การขับเคลื่อนจึงจำเป็นต้องสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ชัดเจน และทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ ซึ่งการจัดตั้ง BHR Academy จะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้สามารถขยายผลได้ในวงกว้าง

 

นางสิริวิภา สุพรรณธเนศ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน ตระหนักถึงการเคารพสิทธิมนุษยชนมีความรู้ความเข้าใจ และสามารถประเมินความเสี่ยงและลดผลกระทบ รวมทั้งสามารถจัดทำรายงานเรื่องการเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ที่สอดคล้องกับหลักการ UNGPs เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุน ทั้งจากภายในและระหว่างประเทศ โดย ก.ล.ต. ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูล 56 - 1 One Report เพื่อยกระดับการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ครอบคลุมถึงการเคารพสิทธิมนุษยชน มีผลบังคับใช้ในปี 2565 เป็นปีแรก นอกจากนี้ ยังขยายผลไปยังประเด็นที่เกี่ยวข้อง คือ การส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศและการลดความเหลื่อมล้ำด้วย การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ ถือเป็นพลังความร่วมมือในการส่งเสริม สนับสนุน และเผยแพร่องค์ความรู้ด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนให้สามารถขยายผลในวงกว้างได้มากยิ่งขึ้น และจะช่วยตอบโจทย์การบรรลุแผน NAP และเป้าหมาย UN SDG ได้

 

ส่วนนางสาวโลวิตา รามกุทธี รองผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวว่า ธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (BHR) มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งกำลังก้าวไปสู่ยุคหลังโควิด รวมทั้งได้ระบุถึงความสำคัญของแนวคิดและแนวทางปฏิบัติของ BHR ต่อการตอบสนองต่อวิกฤตและความพยายามฟื้นฟูโลกให้กลับมาดีขึ้น  และในที่สุดจะสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนและความยั่งยืนอยู่แล้ว เห็นได้จากความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นในด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มผู้ประกอบการเกือบ 170 แห่งที่นำหลักการ UNGPs มาใช้ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก การบูรณาการสิทธิมนุษยชนเข้ากับการดำเนินธุรกิจ จะช่วยให้ธุรกิจดำเนินงานได้สอดคล้องกับแนวโน้มการค้าและการแข่งขันในตลาดโลก การก่อตั้ง BHR Academy จึงเป็นโอกาสดีในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของไทย เพื่อให้แน่ใจว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จะเป็นไปด้วยความเคารพสิทธิมนุษยชน

 

หลังพิธีลงนามความร่วมมือ ยังมีปาฐกถาพิเศษ โดยศาสตราจารย์กิตติคุณ วิทิต มันตาภรณ์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ ซึ่งได้กล่าวย้ำว่า วันนี้ ESG และ BHR เป็น 2 เรื่องสำคัญ ที่ธุรกิจต้องดำเนินการไปพร้อมกัน  นอกจากการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม  อีกด้านหนึ่งจะเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชน  ในขณะที่ธุรกิจให้ความสำคัญกับความตกลงปารีส การจัดทำแผนธุรกิจแบบคาร์บอนต่ำ หรือการแสวงหาแหล่งพลังงานสะอาด ก็ต้องคำนึงถึงความเปราะบางทางสังคมควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะการเอาชนะความเหลื่อมล้ำ การส่งเสริมการรักษาสุขภาพ การบรรเทาความยากจน การจ้างแรงงานข้ามชาติ ความมั่นคงด้านอาหาร โดยการทำงานของ BHR Academy จะเข้ามาเติมเต็มในเรื่องนี้  และจะต้องได้รับความร่วมมือจากกลุ่มพันธมิตรที่ช่วยกันสนับสนุน รวมไปถึงภาคประชาสังคม โดยอาจมีการจับคู่กับภาคธุรกิจรายใหญ่และรายเล็ก เพื่อตรวจสอบในด้านสิทธิมนุษยชนด้วย

 

ด้าน ดร. เสรี นนทสูติ สมาชิกคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม กล่าวถ้อยแถลงว่า BHR Academy เป็นจิ๊กซอร์ตัวสุดท้ายที่ประเทศไทยได้เติมเต็มตามหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนที่ประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2011 โดยจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ภาคธุรกิจและประเทศไทย ได้ตระหนักและนำหลักการชี้แนะนี้ไปปฏิบัติตามใน 3 ประเด็นสำคัญ  คือ

 

การจัดทำนโยบายเคารพสิทธิมนุษยชน การตรวจสอบรอบด้านว่าตนเองและผู้ค้าไม่ได้มีส่วนร่วมละเมิดสิทธิมนุษยชนใคร  และการจัดการผู้ค้าอย่างเป็นระบบ สิ่งเหล่านี้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะมีความเสี่ยงเกิดขึ้นกับโลกตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือความเสี่ยงที่ธุรกิจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าทาสสมัยใหม่  ซึ่ง BHR Academy จะช่วยทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้นว่า ธุรกิจตระหนักว่าตนเองมีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงนี้หรือไม่ และจะต้องมีบทบาท ทั้งป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และแสดงความรับผิดชอบหากความเสี่ยงนั้นเกิดขึ้นด้วย

 

ทั้งนี้ สถาบันธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน มีแผนจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะกระบวนการตรวจสอบรอบด้าน (HRDD : Human Rights Due Diligence) ในแพลตฟอร์มที่หลากหลาย โดยปรับตามความเหมาะสมในบริบทและสถานการณ์ อาทิ การฝึกอบรมขั้นพื้นฐานธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน การสัมมนาขั้นปฏิบัติการ หรือ virtual workshop เพื่อสร้างเครือข่ายและระบบนิเวศ (Eco-System) ภาคเอกชน ร่วมกับภาครัฐและภาคประชาสังคมด้านสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม BHR Forum หรือ virtual webinar เพื่อเชื่อมโยงผู้ปฏิบัติงาน ทิศทางและแนวโน้มประเด็นธุรกิจและสิทธิมนุษยชน นโยบาย และภาพรวมกระบวนการตรวจสอบรอบด้าน (HRDD) และการดูงาน ณ สถานประกอบการขององค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน เป็นต้น

 

สำหรับหลักสูตรแรก จะครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชน  หลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs) กระบวนการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน กระบวนการตรวจสอบรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) การแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ในการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนในองค์กรต่างๆ ถึงเทคนิค วิธีการตรวจหา และจัดลำดับความสำคัญของผลกระทบที่ธุรกิจมีต่อสิทธิมนุษยชน หน้าที่ของบริษัทที่ต้องลงมือปฏิบัติในเรื่องของสิทธิมนุษยชน วิธีการลงมือปฏิบัติ ติดตามผล และสื่อสารเรื่องผลกระทบที่ธุรกิจมีต่อสิทธิมนุษยชน วิธีการรับมือและหาทางออก เมื่อเกิดผลกระทบเชิงลบและการมีกลไกการร้องทุกข์ที่มีประสิทธิภาพ