พ่อหลวงสอนปลูกสมุนไพรต้านโรคร้ายกว่า 5 ทศวรรษ

05 ธ.ค. 2564 | 12:30 น.

ถอดรหัสพระอัจฉริยภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 สู่เป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN SDGs) 17 ข้อ ในโครงการตามรอยพระราชา “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 13”

9 มหามงคล ตามรอยพ่อ ศึกษาเรียนรู้ป่าหาย น้ำแห้ง ดินเลว สู่วิถีพอเพียง ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา

พ่อหลวงสอนปลูกสมุนไพรต้านโรคร้ายกว่า 5 ทศวรรษ

สวนพฤกษศาสตร์เขาหินซ้อน ตั้งอยู่ในศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่นี่ถือเป็นสวนสมุนไพรแห่งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ และได้จัดตั้งเป็นสวนพฤกษศาสตร์ภาคตะวันออก ปลูกพืชสมุนไพรชนิดต่างๆรวมกว่า 1,000 ชนิด เพื่อดูแลงานวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นเราจะได้เรียนรู้ในวิธีการปลูกและวิธีการใช้ในการดูแลรักษาโรค เช่น ฟ้าทะลายโจร

นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นศูนย์ฝึกอาชีพด้านต่างๆ จาก 13 หน่วยงาน ให้แก่ชุมชน เกษตรกร รวมไปถึงผู้สนใจได้เข้ามาเรียนรู้ เพื่อต่อยอดและนำไปสู่การประกอบอาชีพที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

พ่อหลวงสอนปลูกสมุนไพรต้านโรคร้ายกว่า 5 ทศวรรษ

ความเป็นมาของการจัดตั้งสวนพฤกษศาสตร์เขาหินซ้อน สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2522 พระบาทสมเด็จพระปรมินทร์ มหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชดำเนินไปเปิดศาลบวรราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา 

 ได้ราษฎรน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินบริเวณหมู่ที่ 2 ตำบลเขาหินซ้อน จำนวน 264 ไร่ ทรงมีพระราชดำริให้ตั้งเป็นศูนย์ศึกษาตัวอย่างสาธิตการพัฒนาด้านการเกษตร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ชื่อว่า ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา มีกรมพัฒนาที่ดินเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงาน และมีราษฎรได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินเพิ่มเติมอีกรวมเป็นเนื้อที่ 1,240 ไร่ 

พ่อหลวงสอนปลูกสมุนไพรต้านโรคร้ายกว่า 5 ทศวรรษ

ต่อมากรมป่าไม้ ได้ใช้พื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน เนื้อที่ 400 ไร่ จัดตั้งสวนพฤกษศาสตร์ภาคตะวันออก(เขาหินซ้อน) จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2523 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งสวนป่าสมุนไพรเขาหินซ้อนในสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ และได้ทรงปลูกต้นศรีมหาโพธิเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2523 

 

นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ร่วมกับองค์กรภาคีต่างๆ จัดกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ศาสตร์พระราชา ต่อยอดสู่การสร้างนวัตกรรมทางด้านการศึกษามาตั้งแต่ปี 2561 โดยนำคณะครูอาจารย์จากทั่วประเทศรวมแล้วกว่า 300 คนจากกว่า 170 สถาบัน ร่วมโครงการ“ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา” ในรูปแบบ Edutainment เพราะทุกที่คือการเรียนรู้ ในพื้นที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ผสมผสานการท่องเที่ยววิถีชุมชน 

 

รวมถึงกิจกรรมเวิร์กชอป ผ่านนวัตกรรมบอร์ดเกมที่จะทำให้คณะครูอาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา สามารถนำไปสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้วิถีใหม่ในสถาบันการศึกษา ชุมชน และครอบครัวได้ด้วยตนเอง เพื่อเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

 

กิจกรรม “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 13” 9 มหามงคล ตามรอยพ่อ ศึกษาเรียนรู้ป่าหาย น้ำแห้ง ดินเลว สู่วิถีพอเพียง ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทราครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งครั้งสำคัญในการเรียนรู้ศาสตร์พระราชา ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริแห่งแรกของประเทศไทย ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริให้จัดขึ้นเพื่อพลิกฟื้นผืนแผ่นดิน ซึ่งมีสภาพป่าหาย น้ำแห้ง ดินเลว ให้กลับคืนความอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุอาหาร และวัตถุอินทรีย์จากพืช เพื่อเป็นแหล่งรวบรวม ศึกษา ทดลอง วิจัย และพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ทางการเกษตรให้เป็นศูนย์ด้านเกษตรกรรมที่สมบูรณ์ด้วยวิธีการเกษตรแผนใหม่ ทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำ ฟื้นฟูสภาพป่า การพัฒนาที่ดินการวางแผนปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้ 

พ่อหลวงสอนปลูกสมุนไพรต้านโรคร้ายกว่า 5 ทศวรรษ

อีกทั้งยังจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต และเป็นศูนย์รวมการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ ถือเป็นต้นแบบแนวทางและตัวอย่างการพัฒนาให้แก่พื้นที่อื่นได้อย่างยั่งยืน ศูนย์แห่งนี้ยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวประจำปี 2545 รางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวประจำปี 2547 รางวัลยอดเยี่ยมประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร

 

ทั้งนี้ คณะยังได้เข้าเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้ ๙ มหามงคล ได้แก่ 1.โรงสีข้าวพระราชทาน 2.สวนป่าสมุนไพร 3.ต้นศรีมหาโพธิ์ 4.ศาลาเทิดพระเกียรติ 5.อ่างเก็บน้ำห้วยเจ๊ก 6.เกษตรทฤษฎีใหม่ 7.พลับพลาพระราม 8.หญ้าแฝก 9.พระตำหนัก 3 จั่ว

 

สำหรับกิจกรรมโครงการทิพยตามรอยพระราชาฯ ในการลงพื้นที่เรียนรู้จากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ที่ผ่านมาได้แก่ 1.ชุมชนบ้านศาลาดิน จังหวัดนครปฐม 2.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดจันทบุรี 3.โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ และโครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี 4. เขื่อนขุนด่านปราการชล ศูนย์ภูมิรักษ์ จังหวัดนครนายก 5.โครงการพัฒนาชุมชนบ้านอ่างเอ็ด จังหวัดจันทบุรี 6.มหาชีวาลัยอีสาน จังหวัดบุรีรัมย์ 7.อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 8.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ 9.อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา และโครงการปลูกผักโดยไม่ใช้ดิน มูลนิธิชัยพัฒนาจังหวัดปราจีนบุรี 10.สวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พื้นที่เงาฝน จังหวัดเพชรบุรี 11.โครงการ อัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ จังหวัดสมุทรสงคราม 12.มูลนิธิชัยพัฒนา จังหวัดนครสวรรค์

 

 

ทางด้าน รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กล่าวถึงโครงการ “หนังสือเดินทางตามรอยพระราชา” ว่า ทางศูนย์คุณธรรมได้จัดทำหนังสือโครงการตามรอยพระราชาที่ ผ่านการคัดสรร 9 เส้นทาง 81 แหล่งการเรียนรู้ 4,877 โครงการ เพื่อให้คณะครูอาจารย์ได้ลงพื้นที่เรียนรู้ศึกษาศาสตร์พระราชา ลงมือทำกิจกรรมเสริมทักษะเรียนรู้และต่อยอด พร้อมสร้างความเข้าใจและเข้าถึงคุณธรรม 4.0 คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และเพื่อให้เกิดความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ที่ทรงพัฒนา ‘ศาสตร์พระราชา’ ให้ชาวบ้านนำมาปฏิบัติจนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น” 

 

โดยครั้งนี้ จะเป็นหนังสือเดินทางตามรอยพระราชา เส้นทางภาคตะวันออก ตามรอยพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อให้เกษตรกร ผู้ที่สนใจ สามารถมาเรียนรู้และนำไปใช้ในการประกอบอาชีพสู่ความยั่งยืน

พ่อหลวงสอนปลูกสมุนไพรต้านโรคร้ายกว่า 5 ทศวรรษ

กิจกรรมสำคัญในการตามรอยพระราชาทุกครั้งคือ การถอดรหัสพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และผู้ร่วมกิจกรรมตามรอยพระราชาทุกคนจะได้รับชุดหนังสือภาษาอังกฤษ ‘King Bhumibol Adulyadej of Thailand’ จำนวน 3 เล่ม ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นำไปถ่ายทอดแก่นักเรียนผ่านหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้เยาวชนรุ่นหลังได้รู้จักพระองค์ท่านและสามารถสื่อสารให้ชาวต่างชาติฟังได้ว่า ทำไมคนไทยจึงรักและผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งยังให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เต็มเปี่ยมด้วยคุณธรรม

 

หลังจากการลงพื้นที่เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติแล้ว คณะครูอาจารย์ได้ทำกิจกรรมถอดบทเรียน นำโดยอาจารย์อดุลย์ดาราธรรม นายกสมาคมนักเรียนเก่าเอเอฟเอสประเทศไทย ผ่านเกมกระดานสื่อการเรียนรู้ 3 แบบ ได้แก่ “Game of Our Nation” ที่สอดแทรกคุณธรรม 4 ประการ คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา “9 ตามรอยนวัตกรรมของพ่อ ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนระดับสากล” ถอดบทเรียนและต่อยอดสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมจากกิจกรรมตามรอยพระราชา และ “The King's Journey: Learn English an Example of an Invention” ซึ่งคณะครูอาจารย์สามารถนำนวัตกรรมการเรียนรู้ไปต่อยอดการเรียนการสอนสำหรับเยาวชนต่อไป 

 

นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษ เรื่อง “อาชีพแห่งอนาคต” ที่เชื่อมโยงวิถีเศรษฐกิจพอเพียงสู่ความยั่งยืน โดยผศ.ดร.วีรณัฐ โรจนประภา ผู้อำนวยการสถาบันคิดใหม่ นักวิชาการอิสระและสุดยอดนักนวัตกรรมทางความคิด อีกด้วย

 

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมโครงการตามรอยพระราชา “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 13” เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Amazing Thailand Safety & Health Administration (SHA) ซึ่งเป็นโครงการเพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เตรียมความพร้อมและดำเนินการปรับปรุงสถานประกอบการให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ (New normal) เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวควบคู่กับมาตรการด้านสุขอนามัย

 

กิจกรรมครั้งนี้ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาดสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และมูลนิธิธรรมดี จัดขึ้นเพื่อนำคณะครูอาจารย์ที่ได้รับการคัดเลือกจากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ร่วมถอดรหัสพระอัจฉริยภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 สู่เป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN SDGs) 17 ข้อ