แพทย์ผิวหนัง แนะ 3 วิธีรักษา “ภาวะผมร่วง”หลังติดเชื้อโควิด -19

18 พ.ย. 2564 | 12:58 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ย. 2564 | 20:07 น.

แพทย์โรคผิวหนัง ระบุภาวะผมร่วงหลังติดเชื้อโควิด 19 สาเหตุเกิดจากความเครียดและมีการกระตุ้นปฏิกิริยาการอักเสบ ส่งผลต่อวงจรชีวิตของผมเกิดการเปลี่ยนเร็วกว่าปกติ แนะนำ 3 วิธีรักษา

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ภาวะผมร่วงภายหลังการติดเชื้อโควิด 19 ส่วนใหญ่เป็นอาการของโรคผมผลัด โดยผู้ป่วยจะมีอาการผมร่วงทั่วศีรษะมากผิดปกติมากกว่า 100 เส้น/วันแต่ไม่มากเกิน 50% ของผมทั้งศีรษะในระยะเวลา 2 - 3 เดือน 

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ 

ในบางรายอาจจะเกิดได้เร็วประมาณหนึ่งเดือนครึ่งภายหลังการติดเชื้อ โควิด 19 ซึ่งค่อนข้างเร็วกว่าภาวะผมผลัดจากสาเหตุอื่น พบว่าผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อโควิด  19 เกิดโรคผมผลัดหลังจากการติดเชื้อประมาณ 25% 

โรคผมผลัดอาจเกิดได้จากสาเหตุอื่น เช่น เกิดภายหลังจากมีภาวะป่วยหนัก มีภาวะเครียดมาก การขาดสารอาหาร เป็นโรคไทรอยด์และการรับประทานยาบางอย่าง ดังนั้น ถ้าผู้ป่วยมีประวัติสาเหตุอื่นร่วมด้วย อาจมีความจำเป็นที่จะต้องแยกสาเหตุอื่นร่วมด้วยโดยการตรวจผมและการตรวจเลือด

แพทย์ผิวหนัง แนะ 3 วิธีรักษา “ภาวะผมร่วง”หลังติดเชื้อโควิด -19

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจัยกระตุ้นอื่นนอกเหนือจากภาวะเจ็บป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ควรจะรักษาร่วมด้วย คือ 

  1. ถ้าผู้ป่วยเกิดภาวะผมร่วง ภายหลังจากมีการติดเชื้อโควิด 19 โดยไม่มีปัจจัยอื่น โดยทั่วไป ผู้ป่วยที่มีโรคผมผลัดมักหายได้เองหลังจากสาเหตุหมดไปแล้วประมาณ 2 - 6 เดือน ในกรณีผู้ป่วยที่เป็นโรคผมผลัดหลังจากการติดเชื้อโควิด 19 อาจจะหายได้เร็วกว่าที่ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน 
  2. การพรางผมบาง ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของผู้ป่วยดีขึ้นได้ เช่น ทรงผม, การทำสีผมหรือการใส่วิก 
  3. การรักษาด้วยยาทาไมน็อกซิดิล อาจแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ยาทา 5% minoxidil solution วันละ1-2 ครั้ง หรือ 2% minoxidil solution วันละ 2 ครั้ง เพื่อกระตุ้นผมให้ขึ้นใหม่ โดยอาจเริ่มใช้ตอนที่ผมเริ่มจะหยุดร่วง 

 

การทายานี้ อาจทำให้เกิดผมร่วงในช่วงแรกๆ ที่ใช้ยาได้ และยังไม่จำเป็นต้องทายานี้เสมอไปในโรคผมผลัด เนื่องจากในภาวะนี้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นได้เอง หลังสาเหตุกระตุ้นหมดไป

 

 

ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่อาจมีส่วนทำให้ผมร่วง เช่น ยารักษาความดันโลหิตสูงชนิด Beta blockers, ยารับประทานวิตามินเอและยากันเลือดแข็งตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยา ในผู้ป่วยที่รับประทานยานี้อยู่แล้ว ไม่ควรหยุดยาเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และการรับประทานเหล็กและวิตามิน เช่น สังกะสี, ไบโอติน, วิตามินดี 

 

ยังไม่ได้มีหลักฐานทางการศึกษาชัดเจนว่าจะมีส่วนช่วยรักษาโรคผมผลัดในผู้ป่วยไม่ได้มีภาวะขาดเหล็กหรือวิตามินดังกล่าว หากอาการผมร่วงไม่ดีขึ้นภายในระยะเวลา 3-6 เดือน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง