สิ้นสุดการรอคอยในรอบ 137 ปี "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมของคนไทย คว้าแชมป์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ มาครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร หลังคว้าชัยชนะเหนือทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี 1-0 ที่สนาม "เวมบลีย์ สเตเดี้ยม"
จากชัยชนะในเกมนี้ ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมที่ 44 ที่สามารถคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จ
เลสเตอร์ เคยผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการนี้มาแล้ว 4 ครั้งในปี 1949,1961 1963 และ 1969 และปีนี้สามารถคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จในที่สุด
ในรอบที่ผ่านมา เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สร้างผลงานพาทีมเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้, เบรนท์ฟอร์ด, ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเซาธ์แฮมป์ตัน จนผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ กับ เชลซี
การคว้าแชมป์ในฟุตบอลเอฟเอ คัพ ฤดูกาลนี้ ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ ทำสถิติคว้าแชมป์การแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญของอังกฤษ ได้ทุกรายการ
โดยเป็นการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 ครั้งและคว้า แชมป์ ลีก คัพ อีกสามครั้ง
ชมคลิปLeicester City. 2020/21 FA Cup winners.
รวมถึงครอบครัว ศรีวัฒนประภา และย้ำว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พาลูกทีมลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ กับ เชลซี ในค่ำคืนนี้
"แน่นอน ผมอยากทำเพื่อนักเตะและแฟนบอลเลสเตอร์ แต่สิ่งที่พิเศษที่สุด ผมอยากทำเพื่อคุณต๊อบ และครอบครัวศรีวัฒนประภา โดยเฉพาะการนำทัพเลสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่นเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ เป็นครั้งแรกในรอบ 52 ปี นี่คือเกมที่เราจะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสร ผมหวังว่าเราจะทำได้”
เลสเตอร์ ซิตี้ ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ มาแล้ว 4 ครั้ง ในปี 1948,1961,1963 และ 1969 เเต่ยังไม่เคยได้ครองแชมป์ เอฟเอ คัพ
“หากต้องการชัยชนะ คุณต้องทำตัวให้เหมือนผู้ชนะ เราเดินทางมาถึงนัดชิงชนะเลิศแล้ว ผมมองว่าเราเป็นทีมที่มีศักยภาพในการปรับตัวในทุกสถานการณ์ เราดำเนินการทุกสิ่งมาอย่างยอดเยี่ยมแล้ว และไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร แค่ต้องรักษาความเชื่อมั่นในแนวทางการเล่นเอาไว้” เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กล่าวเสริม
อย่างไรก็ตามการชนะเชลซีที่เกิดขึ้นเป็นความฝันของ"วิชัย ศรีวัฒนประภา"ที่เคยกล่าวไว้ว่า"วันหนึ่งซื้อทีมแล้วสู้กับเชลซีให้ได้"
เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าสัวกับลูกชายเข้าไปชมฟุตบอลที่สนามเหย้าของทีมเชลซี ทั้งในฐานะสปอนเซอร์และลูกค้าที่ซื้อบอกซ์ วี.ไอ.พี.ไว้ แต่เกิดเหตุทะเลาะกับการ์ดสนาม เจ้าสัววิชัยจึงไม่พอใจและตัดขาดการเป็น สปอนเซอร์เชลซี
“วันหนึ่งซื้อทีมแล้วสู้กับเชลซีให้ได้แล้วกัน” เจ้าสัวพูด ซึ่งต๊อบ อัยยวัฒน์เองก็คิดว่า คุณพ่อคงพูดไปงั้น ๆ ด้วยความอารมณ์เสีย
จนกระทั่งปี 2007 เจ้าสัววิชัยพยายามจะซื้อทีมฟุตบอลจริง ๆ ทีมแรกที่เป็นเป้าหมายคือ เรดดิ้ง
แต่ด้วยความที่คุยกับเจ้าของทีมเรดดิ้งแล้วเจอคำขู่ว่า “ถ้ายูไม่เคยอยู่ในวงการนี้ ยูอย่าเข้ามาเลย เสียเวลา” เจ้าสัววิชัยจึงไม่ซื้อทีมนั้น
แล้ววันหนึ่งมีชาวไทยที่รู้จักเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ติดต่อมาว่า เลสเตอร์อยากขอสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อจากคิง เพาเวอร์ ในราคา 300,000 ปอนด์ นั่นเอง เป็นจุดที่ทำให้เจ้าสัวถามลูกชายว่า “เลสเตอร์เป็นไง”
ตอนนั้นเลสเตอร์อยู่ใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ลีกอันดับ 2 ของอังกฤษ รองจากพรีเมียร์ลีก ฝั่งลูกชายจึงไม่ได้สนใจ แต่เจ้าสัวกลับสนใจ
พอไปเจอกับเจ้าของทีมที่สนามแข่ง เจ้าสัววิชัยจึงถามว่า “ยูขายทีมไหม” เจ้าของทีมได้ฟังเป้าหมายของพ่อลูกชาวไทยคู่นี้ที่อยากพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีก และจะทำการตลาดในเอเชีย จึงตอบตกลงขายในทันทีเงินงวดแรกที่ต้องจ่ายคือ 40 ล้านปอนด์ และต้องจ่ายงวดที่สองให้ครบดีลประมาณ 100 ล้านปอนด์
ไม่ใช่เพียงเงินค่าซื้อสโมสรเท่านั้นที่ต้องจ่าย เลสเตอร์ยังมีภาระค่าใช้จ่ายประจำ และหนี้อยู่อีกจำนวนหนึ่งที่มหาเศรษฐีชาวไทยต้องจัดการ
“จริง ๆ คุณพ่อเป็นคนมีวิสัยทัศน์ประหลาด มองไกลจนผมตามไม่ทัน เวลาท่านพูดอะไรจะทำให้ได้ เอาให้ได้ วันที่ซื้อท่านบอกว่า จะพลาดหรือไม่พลาดไม่มีใครรู้แล้ว แต่ต้องทำให้สำเร็จ”นายอัยยวัฒน์กล่าว
กระทั่ง 16 ปีต่อมา "เลสเตอร์ ซิตี้" สามารถเอาชนะ "เชลซี" คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยแรก นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา 137 ปี
ข่าวเกี่ยวข้อง: