สธ.ไฟเขียวเอกชนใช้ ฮ.ช่วยผู้ป่วยฉุกเฉิน นำร่อง 5 จังหวัดท่องเที่ยว

24 ต.ค. 2567 | 18:00 น.

"สมศักดิ์" ถก กพฉ. ไฟเขียวเอกชน ยก ฮ.ช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ นำร่อง 5 จังหวัดท่องเที่ยว เล็งขยายภาคละ 2 จังหวัดครอบคลุมทั่วประเทศ เพิ่มการเข้าถึงบริการในพื้นที่ห่างไกล ลดอัตราการเสียชีวิต

24 ตุลาคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (กพฉ.) ว่า กพฉ.อนุมัติจัดระบบหน่วยปฏิบัติการแพทย์ระดับเฉพาะทางฉุกเฉินการแพทย์ทางอากาศ โดยองค์กรเอกชน ในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด ที่มีฐานปฏิบัติการบิน ได้แก่ 

1.กรุงเทพมหานคร 

2. ชลบุรี 

3.เชียงใหม่ 

4.ภูเก็ต 

5.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) 

สธ.ไฟเขียวเอกชนใช้ ฮ.ช่วยผู้ป่วยฉุกเฉิน นำร่อง 5 จังหวัดท่องเที่ยว

นอกจากนี้ตนยังขอให้พิจารณาเพิ่มการให้บริการเป็นภาคละ 2 จังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมการให้บริการประชาชนทั่วประเทศ ลดข้อจำกัด เพิ่มการเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกล ช่วยลดอัตราการเสียชีวิต

ในปี 2566 สพฉ.ได้รับการร้องขออากาศยานจากหน่วยปฏิบัติการแพทย์ในพื้นที่ ทั้งหมด 540 ครั้ง แต่ สพฉ.สามารถจัดให้มีอากาศยานได้เพียง 220 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 41 อีกทั้งล่าช้าราว 1-2 ชั่วโมงซึ่งมีผลต่อการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติไม่ทันเวลา เพราะอากาศยานของหน่วยงานของรัฐมีภารกิจหลักของแต่ละหน่วยงาน ไม่สามารถสนับสนุนการปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศได้ตลอดเวลาที่ได้รับการร้องขอ

สธ.ไฟเขียวเอกชนใช้ ฮ.ช่วยผู้ป่วยฉุกเฉิน นำร่อง 5 จังหวัดท่องเที่ยว

ทั้งนี้ สพฉ. รายงานว่า โรคหลักๆ ที่ทำให้มีผู้ป่วยวิกฤติฉุกเฉิน ส่วนใหญ่เป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบหรือสโตรก โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งต้องรับการรักษาอย่างทันท่วงที 

"ผมเชื่อว่า ในปีถัดๆ ไป อาจจะไม่ต้องมาพิจารณาเรื่องการใช้ปฏิบัติการช่วยเหลือเร่งด่วนทางอากาศแล้ว การเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติของประชาชนจะลดน้อยลง เพราะขณะนี้ผมกำลังทำนโยบายเรื่อง NCDs ให้ความรู้ประชาชนเรื่องการบริโภคอาหาร การรับประทาน แป้ง น้ำตาล ในปริมาณที่เหมาะสม โดยจะใช้กลไก อสม.ช่วยรณรงค์" นายสมศักดิ์ รมว.สาธารณสุข กล่าว

นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบ ร่างประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่และการกำกับดูแลการปฏิบัติการของผู้ปฏิบัติการเพื่อเพิ่มความพร้อมทั้งอุปกรณ์และบุคลากร

ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินและเพิ่มจำนวนหน่วยแพทย์ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วถึงและเท่าเทียมอย่างมีมาตรฐานเพื่อลดการเสียชีวิตและความพิการของผู้ป่วยฉุกเฉินก่อนถึงสถานพยาบาลและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป