“ม็อบกัญชา”ประกาศยุติชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล

19 ก.ค. 2567 | 15:08 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ค. 2567 | 15:15 น.

“เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย”ประกาศยุติชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาล หลัง “พีรพันธุ์-สมศักดิ์-อนุทิน”ย้ำต้องใช้เหตุผลคุยกันก่อนคืนกัญชากลับสู่ยาเสพติด มั่นใจกัญชาต้องถูกควบคุมด้วย พ.ร.บ. และจะไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป

วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ได้ออกแถลงการณ์ เพื่อประกาศยุติการชุมนุม โดยระบุว่า จากการที่เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยได้ชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการกำหนดสถานะกัญชาว่าควรควบคุมด้วยกฎหมายใด ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณ สะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล 

จนกระทั่งวันนี้ 19 กรกฎาคม 2567 รวมเป็นเวลา 12 วัน และเครือข่ายได้ใช้วิธีการสันติอสิงหาด้วยการอดอาหารจำนวน 10 วันเพื่อแสดงให้เห็นเจตจำนงค์ว่าเรากระทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะใช้วิธีการสันติอสิงสาอดอาหารเพื่อแสดงเจตจำนงค์ให้รัฐตั้งกรรมการเพื่อใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ศึกษาข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นกลไกที่สง่างามและเป็นสากล แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ชื่อ สมศักดิ์ เทพสุทิน กลับเมินเฉยไม่สนใจแม้กระทั่งกระบวนการทางวิชาการ เหตุเพราะมีเป้าหมายอยู่แล้วในการผูกขาดกัญชา 

เห็นได้จากปรากฏการณ์หลายประการในช่วงเวลาที่ผ่านมาว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน นั้นสมคบคิดกับกลุ่มทุนอย่างไร ขอให้ประชาชนทั้งประเทศจดใส่บัญชีดำว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน คือคนพรากยากัญชาไปจากประชาชนซึ่งเป็นการกระทำที่เลวร้ายที่สุด

ประกอบกับคำสัมภาษณ์ของ นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธาน ป.ป.ส.ระบุว่า เขายังไม่เคยมาหารือ ซึ่งเขาส่งมาว่าจะประชุมวันที่23 กรกฎาคม ขณะที่ตนก็มีการติดประชุมและภารกิจยาวไปจนถึงเดือนสิงหาคมแล้ว และไม่ทราบเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุข จะนำเรื่องกัญชากลับเป็นยาเสพติดเข้าสู่ที่ประชุม 

และถ้ามีเรื่องเข้ามาก็ให้ทาง ป.ป.ส.ชี้แจง เพราะคราวที่แล้วเขาให้เหตุผลให้เอากัญชาออกจากยาเสพติด ทีนี้จะเอาเหตุผลอธิบายอย่างไร พูดไปพูดมาคนเดียวกันพูดคนละอย่างได้อย่างไร 

อีกทั้งคำให้สัมภาษณ์ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่านายกรัฐมนตรีบอกว่าจะต้องมาคุยกันรับฟังเหตุผลระหว่างกัน 

เมื่อผู้ที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดทั้งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะต้องใช้เหตุผลข้อมูลในการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด

จึงสอดคล้องกับข้อเสนอและจุดยืนของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย จึงมั่นใจได้ว่ากัญชาจะไม่ถูกนำไปสู่ยาเสพติดในขณะนี้ ตามความต้องการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และเพื่อให้เกิดการใช้ข้อมูลในกระบวนการกำหนดสถานะกัญชาจึงต้องมีองค์คณะสำหรับการวิจัยหาข้อมูลดังกล่าว แต่เมื่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ปฏิเสธการตั้งกรรมการตามที่เครือเขียนอนาคตกัญชาไทยเสนอ 

                      “ม็อบกัญชา”ประกาศยุติชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล

เราจึงหารือกับหลายฝ่ายเพื่อตั้งกรรมการประชาชนขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อจัดทำข้อมูลนำเสนอต่อสาธารณะ รวมทั้งต่อผู้ที่มีบทบาทในการกำหนดสถานะกัญชา คือ นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับคณะกรรมการปราบปราบยาเสพติด ซึ่งเป็นกรรมการที่จะต้องมีมติในการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดหรือไม่ 

โดยคณะกรรมการประชาชนจะประกอบด้วยภาควิชาการโดยเฉพาะมหาวิทยาลัย ที่มีการเรียนการสอนภาควิชากัญชา แพทย์ผู้ทำงานด้านกัญชา  นักปลูก ผู้ประกอบการ รวมทั้งจะเชิญผู้ที่มีความเห็นต่างทั้งชมรมแพทย์ชนบท หรือกลุ่มเยาวชนที่ต้องการให้นำกัญชากลับสู่ยาเสพติดมาร่วมในกรรมการ 

โดยจะเร่งให้มีกรรมการชุดนี้เกิดขึ้นภายใน 7 วัน นับจากวันนี้ และเร่งให้เกิดการศึกษาข้อเท็จจริงด้านต่างๆ ให้เสร็จสิ้นภายในสองเดือน เพื่อให้ทุกฝ่ายรับรู้และใช้ข้อมูลกำหนดสถานะกัญชา เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ตั้งใจจะจัดทำการสื่อสารข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้สาธารณะรับทราบเป็นระยะ 

เพราะเราเชื่อว่า การรับรู้ข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ในกระบวนการกำหนดสถานะกัญชา ว่าควรควบคุมโดยกฎหมายรูปแบบใด 
ด้วยการกำหนดแนวทางดังกล่าว เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจึงขอประกาศยุติการชุมนุมเพื่อดำเนินการในขั้นถัดไป และเราตั้งใจอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้กัญชาควบคุมโดยกฎหมายพระราชบัญญัติ 

และขอยืนยันกับพี่น้องที่ร่วมชุมนุมทั้งที่สะพานชมัยมรุเชฐ และพี่น้องที่เป็นกำลังในพื้นที่ ว่า เราจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในการทำให้กัญชากลับมาควบคุม โดยกฎหมายพระราชบัญญัติ เพื่อกำหนดสิทธิอย่างเสมอภาคแก่ประชาชนทุกคน ภายใต้มาตรการควบคุมที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

ท้ายสุดขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ได้กรุณานำเสนอข้อมูลของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยในหลากหลายด้าน เพื่อทำให้สาธารณะมีความเข้าใจเรื่องกัญชามากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าเมื่อประชาชนมีข้อเท็จจริงใหม่ จะเป็นพลังในการกำหนดตำแหน่งแห่งที่ของกัญชาอย่างถูกต้อง 

ทั้งนี้ ขอให้คำมั่นต่อทุกท่านว่ากัญชาจะไม่มีทางกลับไปเป็นยาเสพติดอีก