อย่าวางใจ! WHO เตือน ผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่พุ่งทั่วโลกหลังปีใหม่

14 ม.ค. 2567 | 12:09 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ม.ค. 2567 | 12:19 น.

ผอ.WHO ระบุการเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติมิตรในช่วงวันหยุดปลายปี และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น ขณะ CDC สหรัฐคาด ตัวเลขผู้ป่วยโควิด-หวัดใหญ่ น่าจะแตะจุดสูงสุดช่วงปลายม.ค. ก่อนจะลดลง

 

นายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาว่า มีรายงาน ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เกือบ 10,000 คนเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ขณะที่ ตัวเลขผู้ป่วย ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 42% ในช่วงเดียวกันในเกือบ 50 ประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา

“ชัดเจนว่าจำนวน ผู้ติดเชื้อ นั้นเพิ่มขึ้นในพื้นที่อื่น ๆ ที่ยังไม่มีการรายงานเข้ามาด้วย” ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าว  พร้อมขอให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ช่วยกันติดตามตรวจสอบและจัดหาการเข้าถึงยารักษาและวัคซีนอย่างทั่วถึง

จากข้อมูลของ WHO พบว่า เชื้อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 ที่กำลังระบาดในขณะนี้ คือสายพันธุ์หลักในหลายประเทศทั่วโลก แต่ WHO เชื่อว่าวัคซีนที่มีอยู่จะสามารถใช้ได้ในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์นี้

นายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO)

นอกจากโควิด-19 แล้ว เจ้าหน้าที่ของ WHO ยังระบุถึงโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ที่มีการระบาดเพิ่มขึ้นเช่นกันในช่วงเวลานี้ รวมทั้งไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม และไรโนไวรัส โดยคาดว่าแนวโน้มการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นนี้จะมีต่อเนื่องไปตลอดช่วงฤดูหนาวในซีกโลกเหนือ

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนรอบใหม่เมื่อมีโอกาส รวมทั้งสวมหน้ากากเวลาอยู่ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านด้วย

รพ.สหรัฐบังคับกฎใส่หน้ากากอนามัยในหลายรัฐ

จากการที่ตัวเลขผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 รวมทั้งโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศ เริ่มนำมาตรการบังคับให้ผู้ป่วยที่มารับการรักษาและผู้ที่มาเยี่ยมผู้ป่วย ต้องสวมหน้ากากอนามัยมากขึ้นเรื่อย ๆ

ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมองว่า การระบาดในฤดูกาลนี้ ไม่น่าจะร้ายแรงเหมือนกับในฤดูหนาวของปีก่อน ๆ แต่ถึงกระนั้น โอกาสที่จะพบผู้ป่วยจำนวนหลายแสนคนที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล รวมทั้งการเสียชีวิตของผู้คนหลายพันคนก็ยังคงมีอยู่

ช่วงต้นเดือนมกราคมนี้ นครนิวยอร์กได้ออกกฎบังคับให้ผู้ที่เข้ามายังพื้นที่โรงพยาบาลของรัฐจำนวน 11 แห่งต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา เช่นเดียวกับที่นครลอสแอนเจลิสและรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งมีโรงพยาบาลหลายแห่งออกกฎให้เจ้าหน้าที่และพนักงานโรงพยาบาลต้องสวมหน้ากากมาตั้งแต่หลายเดือนก่อน เพื่อเตรียมรับมือกับจำนวนผู้ป่วยที่จะพุ่งขึ้นในช่วงส่งท้ายปี

ทั้งนี้ สถิติผู้ป่วยโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา โดยมีการรายงานตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มสูงในสัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาสในพื้นที่ 31 รัฐ

แพทย์หญิงแมนดี โคเฮน ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (CDC) กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม คือการเร่งตัวเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะ อย่างไรก็ดี ข่าวดีก็คือ ตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐ น่าจะแตะจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ ก่อนจะเข้าสู่วงจรลดลง